
ความพยายามของญี่ปุ่นในการควบคุมราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นด้วยการลดการควบคุมสต็อกข้าวและผ่อนปรนข้อจำกัดการนำเข้าข้าว โดยนักวิเคราะห์เตือนว่านโยบายเกษตรและข้อจำกัดด้านอุปทานที่มีมายาวนานของประเทศอาจทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นไปอีกหลายปี
ราคาข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ญี่ปุ่นยังคงสูงอย่างต่อเนื่องที่ 4,214 เยน (28.50 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อ 5 กิโลกรัม หรือ 188 บาท ต่อ กิโลกรัม ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 พฤษภาคม แม้ว่าราคาจะลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 18 สัปดาห์หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากราคาในปีก่อนหน้า ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง
ราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปี 2024 ส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอาหาร ร้านสะดวกซื้อได้ปรับขึ้นราคาข้าวปั้นและกล่องเบนโตะ ขณะที่เครือร้านข้าวหน้าเนื้ออย่าง Matsuya และ Yoshinoya ได้เปลี่ยนมาขายข้าวนำเข้าหรือข้าวผสมเพื่อลดต้นทุน
Ogawa Masayuki ผู้ช่วยศาสตราจารย์และนักเศรษฐศาสตร์การเกษตรจากมหาวิทยาลัยอุซึโทมียะ กล่าวว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้น ในด้านความต้องการ การท่องเที่ยวขาเข้าที่ทำสถิติสูงสุดและการกักตุนที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความกลัวการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ตามแนวร่องน้ำนันไคทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น

เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว กระทรวงเกษตรฯ ได้ตัดสินใจผ่อนปรนกฎเกณฑ์การประมูลข้าวสำรองของรัฐบาล ซึ่งกำหนดให้ต้องซื้อคืนภายใน 1 ปี เพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของข้าวดังกล่าวในตลาด รัฐบาลยังได้จัดการประมูลขายข้าวสำรองไปแล้ว 3 ครั้ง โดยหวังว่าจะควบคุมราคาที่พุ่งสูงขึ้นได้ แต่ราคาขายปลีกเฉลี่ยยังคงสูงกว่าปีที่แล้วถึง 2 เท่า
ภายใต้กฎเกณฑ์ปัจจุบัน รัฐบาลจะซื้อคืนข้าวคุณภาพและปริมาณเท่าเดิมที่ขายให้กับผู้ซื้อภายใน 1 ปี เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีจำกัด ผู้จัดจำหน่ายจึงงดปล่อยข้าวออกสู่ตลาด เนื่องจากคาดว่าราคาจะยังคงสูงอยู่ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะขยายระยะเวลาออกไปเป็น 5 ปี เพื่อให้มีผู้เข้าร่วมประมูลมากขึ้น และยังได้ปล่อยข้าวสำรองออกไป 312,296 ตันในการประมูลทั้ง 3 ครั้ง โดยมีแผนที่จะปล่อยข้าว 100,000 ตันต่อเดือนในการประมูลระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม
ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท Zen-Noh ได้จัดส่งข้าวไปแล้วเพียง 32 เปอร์เซ็นต์จากจำนวน 199,270 ตันที่ซื้อจากการประมูล 2 ครั้งแรกในเดือนมีนาคม และบริษัทได้จัดส่งข้าวไปแล้ว 2,000 ถึง 3,000 ตันต่อวัน โดยระบุว่าผู้ค้าส่งได้ขอให้จัดส่งข้าวที่ซื้อไปแล้วประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ภายในเดือนกรกฎาคม อีกทั้งบริษัทให้คำมั่นว่าจะเร่งกำหนดการจัดส่งข้าวเพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องจากกระทรวงเกษตรให้ขยายปริมาณสต็อกข้าว

นอกเหนือจากการปล่อยสต็อกข้าวสำรองแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นยังพิจารณาเพิ่มปริมาณการนำเข้าข้าวเพื่อรักษาเสถียรภาพของปริมาณข้าวอีกด้วย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้นำเข้าข้าวจากเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี และกำลังพิจารณาขยายปริมาณการนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ ด้วย
ราคาข้าวในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้มีความต้องการข้าวจากต่างประเทศที่ถูกกว่า แม้จะมีการกำหนดภาษีนำเข้าที่สูงก็ตาม โดยปริมาณข้าวเกาหลีใต้ที่ขายทางออนไลน์และในซูเปอร์มาร์เก็ตยังค่อนข้างต่ำ ซึ่งเคยส่งออกไปที่ญี่ปุ่นเพียง 2 ตัน แต่มีแผนที่จะส่งออกเพิ่มอีก 20 ตันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สถานีวิทยุและโทรทัศน์สาธารณะ NHK กล่าว
แม้ว่าผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมั่นใจเรื่องคุณภาพและรสชาติของข้าวนำเข้า (ข้าวไทยที่นำเข้ามาหลังจากฤดูร้อนที่อากาศเย็นผิดปกติในปี 2536 ทำให้ขายไม่ออกเป็นส่วนใหญ่) แต่วิกฤตการณ์ในปัจจุบันทำให้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นต้องหันมาสนใจข้าวนำเข้าแทน สำนักข่าว Yonhap คาดว่าการส่งออกข้าวของเกาหลีใต้ไปยังญี่ปุ่นจะแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2533 นอกจากนี้ วิกฤตการณ์ยังเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ สามารถส่งออกข้าวได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวประมาณ 770,000 ตันต่อปีโดยไม่เสียภาษีภายใต้ข้อตกลง “การเข้าถึงขั้นต่ำ” ขององค์การการค้าโลก ข้าวที่นำเข้าเกินโควตานี้จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 341 เยนต่อกิโลกรัม โดยในปีงบประมาณที่แล้ว สหรัฐฯ เป็นผู้จัดหาข้าวปลอดภาษีประมาณร้อยละ 45

อาราตะ ฮิราโนะ เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว เปลี่ยนจากข้าวญี่ปุ่นมาเป็นข้าวนำเข้าจากสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากข้าวในประเทศขาดแคลน ส่งผลให้ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮิราโนะบอกกับรอยเตอร์ว่าราคาข้าวจากแคลิฟอร์เนียที่เขาขายอยู่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตั้งแต่ซื้อครั้งแรกเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว แต่ยังคงถูกกว่าข้าวที่ปลูกในญี่ปุ่น
และเขาไม่ได้รับคำตำหนิจากลูกค้าเลย รวมไปถึงมิกิ นิเฮอิ ที่แปลกใจเมื่อพบว่าข้าวที่เธอกินไม่ได้ปลูกในญี่ปุ่น “ฉันไม่รู้เลย” เธอกล่าว “ฉันไม่ลังเลที่จะกินข้าวที่นำเข้ามาเลย ราคาข้าวก็สูงขึ้นด้วย ฉันจึงมองหาตัวเลือกที่ถูกกว่าอยู่เสมอ”
อย่างไรก็ตาม การที่ระบบการค้าข้าวในญี่ปุ่นถูกควบคุมโดยรัฐบาล ซึ่งเกษตรกรเป็นฐานเสียงดั้งเดิมของพรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้ทำให้ข้อเสนอในการเพิ่มปริมาณการนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ เป็นที่ถกเถียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการเลือกตั้งสภาสูงในฤดูร้อนปีนี้
ซาโตะ โยอิจิโร ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยริตสึเมกังเอเชียแปซิฟิก คาดว่าข้าวนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นจะรวมอยู่ในข้อตกลงด้านภาษีศุลกากรที่ญี่ปุ่นกำลังดำเนินการกับรัฐบาลทรัมป์ แต่โตเกียวยืนกรานว่าโควตาปลอดภาษีเป็น “เพดานสูงสุด”
ซาโตะกล่าวว่า “ญี่ปุ่นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ข้าวที่นำเข้าอยู่ในโควตาขั้นต่ำในการเข้าถึง โดยย้ายแหล่งที่มาของการนำเข้าจากประเทศอื่นมาที่สหรัฐฯ” โดยสังเกตว่าข้าวที่นำเข้าส่วนใหญ่ใช้สำหรับการแปรรูป ดังนั้นจึงลดผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศที่ผลิตข้าวเพื่อบริโภคโดยตรง
ซาโตะคาดการณ์ว่าราคาข้าวในญี่ปุ่นน่าจะยังคงสูงอยู่ ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ข้าวแปรรูป เช่น แครกเกอร์ อาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากปริมาณการนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ อาจไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้เร็วพอที่จะเติมเต็มโควตาขั้นต่ำในการเข้าถึง แม้ว่าการเจรจาการค้าจะดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ตาม

โอกาวะยังคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะยังคงสูงต่อไป เว้นแต่รัฐบาลจะดำเนินนโยบายที่รุนแรง โดยสังเกตว่าการแข่งขันระหว่างผู้ค้าสำหรับการเก็บเกี่ยวในปี 2025 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พ่อค้าหลายรายกำลังเจรจากับชาวนาเพื่อขอขึ้นราคาข้าว” เขากล่าว
เนื่องจากราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้มีการบริโภคข้าวพันธุ์ผสมราคาถูกมากขึ้น โอกาวะกล่าวว่าราคาผลิตภัณฑ์ข้าวต่างๆ อาจอยู่ในช่วงกว้าง ซึ่งอาจอยู่ระหว่าง 3,800 เยนถึง 6,500 เยนต่อข้าว 5 กิโลกรัม หรือ กิโลกรัมละ 874 – 1,495 บาท อาจคงอยู่ไปจนถึงปี 2570
https://www.japantimes.co.jp/news/2025/05/16/japan/rice-buyback-ease
https://www.theguardian.com/world/2025/apr/22/japan-south-korea-rice-import-crisis