พลังของเกษตรในเมืองใหญ่ กับการเปลี่ยนแปลงชุมชน

คุณ Francey Slater ผู้ร่วมก่อตั้ง Mill City Grows หนึ่งในองค์กรเกษตรเมือง Lowell กล่าวว่า “เมื่อเราเริ่มทำเกษตรในเมืองแห่งแรกในปี 2013 คนคิดว่าเราบ้าไปแล้ว” เธอกล่าว “ที่ดินตรงหัวมุมเล็กๆ นั้นทั้งรกและเต็มไปด้วยขยะ” อาสาสมัครจำนวนมากรวมถึงเจ้าของที่ดินได้ร่วมกันย้ายดินและกำจัดขยะและวัชพืชเพื่อทำให้เกิดสวนผักแห่งนี้ขึ้น Francey เล่าต่อไปว่า “เมื่อสวนผักออกมาเป็นรูปเป็นร่างจึงเริ่มได้รับความสนใจมากมาย ผู้คนจากหน่วยต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือและเรียนรู้เพิ่มเติมในที่ดินผืนนี้ พูดได้ว่าสวนผักแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ”

โครงการสวนผักขนาดเล็กนี้ขยายออกไปในที่ดินต่างๆ กว่าหกเอเคอร์ ในสวนสาธารณะของเมือง, ที่ดินของเอกชนที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง, ที่ดินที่ไม่สามารถก่อสร้างได้ ตลอดจนที่ดินของสถาบันและของเอกชนทั่วเมือง

พื้นที่ว่างเปล่าได้กลายเป็นพื้นที่สร้างอาหารแห่งแรกของ Mill City และนับแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็จัดอบรมเชิงปฏิบัติการและจัดทัศนศึกษาหลายสิบครั้ง ผลผลิตอาหารสดกว่า 3 หมื่นปอนด์ได้กระจายออกสู่เพื่อนบ้านจำนวนมาก กว่านั้น Francey ยังกล่าวว่า “สวนผักแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่แห่งความงาม ความหวัง และการบำรุงเลี้ยงผู้คนมากมายที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเรา”

หลายเมืองทั่วนิวอิงค์แลนด์ยอมรับการทำเกษตรในเมือง (Urban Farming) อย่างไรก็ตาม เกษตรกรและชวนสวนในเมืองยังคงประสบปัญหาในการเข้าถึงที่ดินในชุมชนตนเอง เนื่องจากต้นทุนและราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงกฎหมายที่ไม่เอื้อให้เกิดการเข้าถึงที่ดินด้วย
.
.
คุณประโยชน์ของเกษตรในเมือง
.
คุณ Francey และทีมงานที่ Mill City Grows กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้ทำอย่างอย่างโดดเดี่ยว แต่ร่วมทำงานกับทั้งผู้อพยพและชุมชนชาวอเมริกันยุคใหม่ สวนผักในเมืองและฟาร์มต่างๆ ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและความยืดหยุ่นของเมือง และนี่คือประโยชน์มากมายที่เกษตรในเมืองมอบให้

1.ด้านโภชนาการ
เกษตรในเมืองช่วยเพิ่มการเข้าถึงแหล่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ผลิตในท้องถิ่น และเหมาะสมกับวัฒนธรรม การมีพื้นที่สำหรับปลูกและแบ่งปันอาหารเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในละแวกใกล้เคียงที่ไม่ได้รับการลงทุนและด้อยโอกาส ซึ่งการหาผักและผลไม้ราคาไม่แพงอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย
2.ด้านสุขภาพ
แม้ว่าการรับประทานอาหารสดจะเป็นประโยชน์ในตัวของมันเอง แต่การปลูกผักนั้นยังช่วยเพิ่มสุขภาพกายและจิตใจอีกด้วย การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทำงานกับพืช—และการวางมือในดิน—ช่วยออกกำลังกายกลางแจ้ง กระตุ้นการผ่อนคลาย และลดความเครียด ความวิตกกังวล ความดันโลหิต และความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
3.ด้านเศรษฐกิจ
เกษตรในเมืองเป็นแหล่งรายได้ที่ยืดหยุ่นของเกษตรกรและลดต้นทุนอาหารของครอบครัว นอกจากนี้ โครงการทำสวนผักและเกษตรในเมือง เช่น Mill City Grows มักจะให้การฝึกอบรมงานและการเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการด้านอาหารอีกด้วย
4.ด้านชุมชน
การทำฟาร์มในเมืองเพิ่มและรักษาพื้นที่สีเขียวในเมือง จัดหาพื้นที่ให้เพื่อนบ้านมารวมตัวกัน กระชับสายสัมพันธ์ และสร้างความสามัคคีในชุมชน เกษตรในเมืองเชื่อมโยงผู้คนกับโลกและแหล่งที่มาของอาหาร
5.ด้านสิ่งแวดล้อม
เกษตรในเมืองช่วยปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความยืดหยุ่นของสภาพอากาศเมื่อเผชิญกับพายุและความร้อนที่เพิ่มขึ้น พื้นที่เพาะปลูกดูดซับน้ำฝน ป้องกันไม่ให้น้ำฝนล้นระบบท่อระบายน้ำทิ้งและมลพิษทางน้ำ นอกจากนี้ ด้วยการเพิ่มพืชพรรณและต้นไม้ที่ปกคลุม ฟาร์มและสวนจะดึงดูดแมลงผสมเกสร เช่น ผึ้ง และทำให้พื้นที่ในเมืองเย็นลง ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชากร
.
.
ที่มา:
https://www.clf.org/blog/the-power-of-urban-agriculture-in-transforming-a-community/?fbclid=IwAR2UxMpIU_-ogLhME5WpPPB3celK9G4T28PeNmMJN_tPHfjNjUIzLpYXji0
.
.

สวนผักคนเมือง #ปลูกเมืองปลูกชีวิต