นอกจากทำหน้าที่สร้างอาหารหล่อเลี้ยงคนเมือง การสร้างพื้นที่เกษตรในเมือง (Urban Farming) ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาเมืองอีกหลายมิติ โดยเฉพาะเมื่อวิกฤติโรคระบาดทำให้เราแยกจากกันทั้งเชิงกายภาพและจิตวิทยา แถมความเครียดและความกดดันกลายเป็นภัยร้ายที่ทำลายสุขภาพของคนเมือง การมีพื้นที่กลางเชื่อมผู้คนในสังคมให้มีปฏิสัมพันธ์กันแบบ ‘ห่างๆ แต่อบอุ่น’ จึงเป็นเรื่องที่หลายเมืองทั่วโลกพยายามคิดค้นหาหนทางกับแบบสู้ตาย หนึ่งในนั้นหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น ชาติที่มีวัฒนธรรมการขับเคลื่อนการทำเกษตรในเมืองอย่างต่อเนื่องและน่าสนใจ
ล่าสุดในกรุงโตเกียวมีความพยายามสนับสนุนให้ประชากรหันมาสนใจการทำเกษตรผ่านการ ‘ให้เช่าแปลงปลูก’ ในราคาถูกสุดๆ ที่มาพร้อมเครื่องมือเครื่องใช้ ปุ๋ย และคุณครูผู้คอยสอนปลูกผักผลไม้ประจำแปลง เรียกว่ามาแต่ตัวก็สามารถลงมือปลูกได้เลยทันที เพื่อให้นักปลูกหน้าใหม่ตัดสินใจก้าวเท้าเข้าแปลงกันง่ายขึ้น
.
แต่นอกจากอยากทำให้คนเมืองปลูกผักเป็นและมีผักปลอดภัยกิน แปลงปลูกเหล่านี้ยังเป็นพื้นที่ใช้งานร่วม (Common Space) ที่ทำให้คนมาเจอหน้าคร่าตากันแบบห่างๆ แปลงใครแปลงมัน ที่สำคัญพื้นที่เหล่านี้ยังทำให้ผู้ที่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกอย่างชาวต่างชาติที่มาพำนักในญี่ปุ่นและไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้เพราะสถานการณ์วิกฤติโรคระบาด ได้ออกมารีแลกซ์และเจอเพื่อนบ้านโดยที่กำแพงภาษาไม่ใช่ปัญหา เพราะเพียงมีพืชผักในมือมาแลกกันเท่านั้นก็ช่วยให้สายสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว มากกว่านั้นแปลงผักยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ที่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ หรือผู้สูงอายุที่อยากยืดเส้นยืดสายแต่ไม่อยากรวมกลุ่มกันในพื้นที่สาธารณะ การลงมือปลูกผักกันแบบเงียบๆ ห่างๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ 🙂
.
ที่มา: https://www.japantimes.co.jp/…/lifestyle/japan-community-g…/
.
