องค์กรรากหญ้าท้องถิ่นมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของกรุงมะนิลาเป็นสวนผักชุมชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์

นักปลูกในบ้านหลายคนเห็นประโยชน์ของการปลูกอาหารในพื้นที่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ทั่วโลกซึ่งการเคลื่อนไหวถูกจำกัดเนื่องจากมาตราการปิดเมือง ซึ่งพวกเขาสามารถเข้าถึงผลิตผลสดใหม่ มีวิธีการผลิตในการใช้เวลาในบ้าน และส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร

แต่คนอื่นที่ยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์การทำสวนผักในเมือง และในขณะที่เมืองต่างๆ เช่น มะนิลามีข้อจำกัดในด้านพื้นที่ แต่สวนผักชุมชนสามารถมาจากการแปลงพื้นที่ว่างให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกอาหาร และตัวสวนผักชุมชนเองเป็นที่ดินที่คนกลุ่มหนึ่งสามารถผลิตอาหารและเพลิดเพลินกับการทำสวนได้

เพื่อส่งเสริมแนวคิดในการผลิตอาหารและส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารในฐานะชุมชน องค์กรระดับรากหญ้าในท้องถิ่นที่ชื่อว่า Urban Green Communes (UGC) ได้เนรมิตภาพการเปลี่ยนแปลงของกรุงมะนิลาให้เป็นสวนผักชุมชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง โดยมีสวนผักชุมชนท้องถิ่นในทุกบารังไกย์ (ชื่อเรียกเขตการปกครองในฟิลิปปินส์)

UGC ประกอบด้วยนักปลูกผักในเมืองที่เผยแพร่ เติบโต และเชื่อมโยงสวนชุมชนในกรุงมะนิลา ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม 2020 ท่ามกลางการระบาดใหญ่และความไม่มั่นคงด้านอาหารในเมืองต่างๆ

โดยคุณ JC Tejano หนึ่งในผู้ก่อตั้งและสมาชิกของ UGC กล่าวไว้ว่า “วิสัยทัศน์ตั้งอยู่บนหลักการประชาธิปไตยด้านอาหาร (การเติบโตและแบ่งปันอาหารของเรา) สิทธิในเมือง (เพื่อดูแลชีวิตในเมืองของเรา) สาธารณสุขแบบบูรณาการ (ในการดูแลสุขภาพของเราในฐานะชุมชน) และ เกษตรกรรมเชิงปฏิรูป (เพื่อนำชีวิตกลับมาสู่ระบบนิเวศในเมืองของเรา)” ปัจจุบันองค์กรประกอบด้วยสวนผักชุมชนมากกว่า 20 แห่ง ชุมชนเหล่านี้อยู่ในเขตการปกครอง บารังไกย์ โรงเรียน การตั้งถิ่นฐานแบบไม่เป็นทางการ และคอนโดมิเนียมที่มีสวนบนดาดฟ้ารอบๆ เมโทรมะนิลา

เตรียมอุปกรณ์แก่นักปลูกในเมือง

สวนผักชุมชนภายใต้ UGC ได้เริ่มปลูกผักต่างๆ เช่น มะเขือเทศ พริกขี้หนู และอื่นๆ คนเมืองยังมีส่วนร่วมในทั้งการปลูกและดูแลพืชผลเพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนด้วยผลิตที่สดใหม่ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ผ่านองค์ความรู้และการริเริ่มแบ่งปันทรัพยากรของ UGC เกี่ยวกับแนวปฏิบัติทางการเกษตรแบบปฏิรูปและการจัดการภายในชุมชนของพวกเขาgv’

คุณ Tejano กล่าวไว้ว่า “เรายังทำงานร่วมกับผู้กำหนดนโยบายและหน่วยงานของรัฐในการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ เช่น ที่ดิน อุปกรณ์ และปัจจัยการผลิต และเพื่อผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมการทำสวนของชุมชนให้เป็นเรื่องปกติใหม่ในเมืองของเรา”

การรับมือกับข้อจำกัดด้านพื้นที่

จากข้อมูลของคุณ Tejano ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการทำสวนของชุมชนในกรุงมะนิลา คือ การเข้าถึงที่ดิ และสะท้อนว่า “ชุมชนบางแห่งสามารถจัดการได้โดยให้เจ้าของที่ดินส่วนบุคคลอนุญาตให้ใช้ที่ดินว่างเปล่าได้ ชุมชนอื่นๆ ที่ใช้พื้นที่เปิดโล่งของกลุ่มเจ้าของบ้านในชุมชน ในขณะที่บางชุมชนใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่หายากอย่างสร้างสรรค์ เช่น ดาดฟ้า” เขาได้เสริมว่าชุมชนบางแห่งยังมีส่วนร่วมในการทำสวนแบบกองโจรเพื่อเป็นการประท้วงต่อต้านความไม่เท่าเทียมกันของพื้นที่ในกรุงมะนิลา

UGC หวังที่จะแก้ปัญหานี้โดยใช้ที่ดินของรัฐบาลที่ว่างเปล่าและแปลงเป็นสวนผักชุมชนเพื่อให้คนในชุมชนเข้ามาใช้ประโยชน์ คุณ Tejano ยังกล่าวอีกว่า “ขณะนี้ เรากำลังสำรวจความเป็นไปได้ของการใช้ที่ดินของรัฐที่ยังไม่ได้ใช้งานใดๆ ร่วมกับสำนักงานของรัฐ และเริ่มโครงการแบ่งปันที่ดินเพื่อจับคู่เจ้าของที่ดินส่วนตัวที่เต็มใจกับนักปลูกในชุมชนอย่างเป็นระบบ”

ทำไมพื้นที่เกษตรในเมืองมีความจำเป็น

UGC มุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ความตระหนักเกี่ยวกับข้อดีของการทำเกษตรในเมืองโดยมีส่วนร่วมกับชุมชนต่างๆ ในกรุงมะนิลาให้ได้มากที่สุด คุณ Tejano ได้ให้ความเห็นว่า “ควรส่งเสริมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความหิวโหยสูงเป็นประวัติการณ์ นอกเหนือจากอาหารแล้ว การทำเกษตรในเมืองยังเป็นขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมในการกักเก็บคาร์บอนในชั้นบรรยากาศและมีส่วนช่วยในการต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ”

การทำสวนผักชุมชนอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของอาหารในเขตเมืองอย่างกรุงมะนิลา องค์กรต่างๆ เช่น UGC กำลังเริ่มต้นความคิดริเริ่มต่างๆ เพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความรู้และมีความพร้อมมากขึ้นในการเริ่มปลูกอาหารในเมือง ขณะเดียวกันก็สร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและความรู้สึกเป็นชุมชนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แนวทางนี้ยังมีศักยภาพในการรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เนื่องจากชาวบ้านได้รับการสนับสนุนให้ปฏิบัติตามหลักการของการเกษตรรูปแบบใหม่

References