วิธีที่แตกต่างกันของการทำเกษตรในเมือง

วิธีที่แตกต่างกันในการทำเกษตรในเมือง รวมถึงการที่ใช้การเกษตรในการให้ชุมชนช่วยเหลือเกษตรกร ตลาด การทำฟาร์มในร่ม การทำสวนผักแนวตั้ง และเจ้าของสถานที่ในการเป็นทางเลือกอื่น ๆ ในการผลิตหรือจัดส่งอาหารในสภาพแวดล้อมเมือง การทำความเข้าใจและแลกเปลี่ยนมุมมองทั้งจากทางเศรษฐกิจ สุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งจำเป็นในการเลือกวิธีการในการทำฟาร์มในเมืองให้เหมาะสมเฉพาะกับแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสถานที่ที่ตั้งแหล่งผลิตอาหารทางเลือก และระดับรายได้ของท้องถิ่นเอง

ความต้องการในการทำเกษตรในเมือง (Need for Urban Agriculture)

อ้างจากข้อมูลของมูลนิธิ RUAF พันธมิตรในการศึกษาการเกษตรแบบยั่งยืน และความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนเป็นเมืองของโลกที่จะเป็นตัวกระจายความยากจนและความไม่มั่นคงทางอาหาร ถ้ามันไม่มีการพูดถึง

RUAF อ้างว่าภายในปี 2020 ประเทศกำลังพัฒนาเช่น ประเทศในแอฟริกัน เอเชีย และละตินอเมริกา จะมีประชาการ 3 ใน 4 ที่อาศัยอยู่ในเมือง พื้นที่เหล่านี้จะไม่สามารถได้รับการจ้างงานที่มีประสิทธิภาพ การกระจายอาหารที่น่าเชื่อถือ หรือการจัดการของเสียที่รวมถึงน้ำเสียด้วย การเกษตรในเมืองเป็นหนึ่งในหนทางในการแก้ปัญหาความยากจนในประเทศที่จนกว่า

นอกจากนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา ก็ได้สูญเสียพื้นที่ในการเพาะปลูกในอัตราที่น่าตกใจ ในความเป็นจริงนักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าโลกได้สูญเสียพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกที่ยังมีดินที่อุดมสมบูรณ์ไปแล้วถึง 1 ใน 3 ของโลก

ชนิดของการทำฟาร์มในเมือง (Types of Urban Farming)

ด้วยท้้งเทคโนโลยี และการผลักดันอย่างต่อเนื่องในเรื่องความยั่งยืนเพื่อที่จะพัฒนา มีไอเดียการทำเกษตรกรรมในเมืองจำนวนมากปรากฏไปทั่วแล้ว นี่จะเป็นเพียงบางส่วนที่คัดมาจากความนิยมและเป็นนวัตกรรม

การให้ชุมชนช่วยเหลือการทำเกษตร (Community Supported Agriculture)

บางทีความพยายามแรกสุดในการเก็บรักษาผลผลิตของท้องถิ่น นั้นอาจจะใช้ระบบที่ชุมชนช่วยเหลือเกษตรกรเพื่ออนุญาตในผู้ผลิตอาหาร ได้ส่งอาหารในท้องถิ่นแก่สมาชิกของชุมชนที่ตกลงจ่ายตั้งเป็นค่าธรรมเนียมในการสมัครสมาชิกสำหรับการแบ่งปันผลผลิตที่ปลูกกันเองในท้องถิ่น ระบบชุมชนช่วยเหลือเกษตรกรประสบความสำเร็จในการลดค่าการ Shipping และลดการปล่อยคาร์บอน และที่ดีที่สุดคือการเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนท้องถิ่น

ฟาร์มในเมือง (Urban Farm)

การทำฟาร์มของครอบครัวขนาดเล็กที่ตั้งขึ้นอย่างง่าย ๆ ภายในสภาพแวดล้อมเมืองสามารถจัดหาร้านขายของชำในท้องถิ่น ตลาดของเกษตรกร และชุมชนด้วยผลิตภัณฑ์ และเนื้อสัตว์ เงินที่ได้การทำฟาร์มจะถูกนำไปเสริมธาตุอาหารให้แก่ดินในท้องถิ่น ลดสภาวะเรือนกระจก พัฒนาคุณภาพของอากาศ

สวนผักชุมชน (Community Gardens)

ในบางชุมชน มีการสร้างบ้านเรือนแบบซับซ้อน แม้กระทั่งหลังคาแถว downtown สวนผักชุมชนสามารถถูกปลูกโดยคนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในละแวกใกล้เคียง บ่อยครั้งที่สวนเหล่านี้ทำให้อากาศสะอาด ดูดซับการดูดกลืนคาร์บอน และได้มอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และสดใหม่แก่ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมในสวนผักชุมชน ความพยายามในการทำสวนผักมักถูกขับเคลื่อนด้วยเหล่าอาสาสมัครผู้ที่ต้องการมาร่วมแชร์ผลผลิตร่วมกัน

การทำสวนในร่ม (Indoor Farming)

สิ่งที่ทำให้การทำฟาร์มด้วยเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาจนปัจจุบันการปลูกผักกลายเป็นเรื่องปกติ ก็คือ เรือนเพาะชำ ที่ควบคุมแสง อุณหภูมิ ธาตุอาหาร และเงื่อนไขการเจริญเติบโตในพื้นที่ที่มีการปิดล้อม มีคนจำนวนมากที่เพิ่มอัตราการงอกและผลผลิต ด้วยเทคโนโลยีควบคุมสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น คลื่นช่วงแสง และก๊าซต่าง ๆ เพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของพืช ยา และอาหารโดยเฉพาะ

การทำฟาร์มแนวตั้ง (Vertical Farming)

การทำฟาร์มแนวตั้ง หมายถึง การผลิตอาหารในเมืองด้วยการปลูกในแนวตั้ง แทนการปลูกแบบเดี่ยว หรือการปลูกแนวราบ หรือการปลูกในเรือนเพาะชำในแบบปกติ ข้อดีที่ดีสุดคือมันมีความสามารถที่จะผลิตอาหารได้มากขี้นในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมเมือง ที่ซึ่งพื้นที่ว่างเป็นอะไรที่พิเศษมาก การทำฟาร์มในเมืองมันเป็นส่วนหนึ่งของตึกสูงเสียดฟ้า หรือโกดังเก็บของในเมืองที่ถูกนำมาใช้ใหม่

ข้อดีของการทำฟาร์มในเมือง (Benefits of Urban Farming)

การทำฟาร์มในเมืองสามารถสร้างประโยชน์แก่ชุมชนในหลาย ๆ ทาง และเมื่อการทำเกษตรในเมืองรวมกับพื้นที่สีเขียวบนหลังคาหรือภายในแหล่งธุรกิจของเมือง ประโยชน์ของชุมชนจากอากาศที่สะอาดยิ่งขึ้น อาหารที่สดกว่า ลดผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่เมือง และยังเสริมเรื่องลดการปล่อยคาร์บอนได้ เพราะว่าอาหารท้องถิ่นไม่จำเป็นต้องมีการขนส่งและการกระจายสินค้า

ประโยชน์อื่น ๆ นอกจากเรื่องของสิ่งแวดล้อม ฟาร์มในเมืองสามารถเพิ่มการจ้างงานให้แก่ผู้ที่อาศัยในเมือง และการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจภายใต้สภาพแวดล้อมเมือง ความพยายามในการทำเกษตรมีแนวโน้มที่จะชักจูงประชาชนทั่วไป ให้ได้มองอะไรให้มันช้าลง มีหนทางการพักผอนที่เยอะขึ้น ภายใต้สังคมเมืองทั่วไปที่เต็มไปด้วยการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ผลของมันคือสวนผักคนเมืองจะสามารถช่วยสร้างชุมชนและเสริมสร้างความสัมพันธ์ มันจะช่วยสร้างโอกาสเพื่อค้นหานวัตกรรม และวิธีการแก้ปัญหาที่ท้าทายการผลิตอาหารและการกระจายอาหารโดยภาพรวมที่จะสามารถผลิตได้ในอนาคต

ความมั่นคงทางอาหารและการศึกษาเรื่องอาหารเกี่ยวกับอาหารถูกผลิตยังไง และมาจากที่ไหน มันเป็นประโยชน์ของการทำฟาร์มในเมือง อย่างน้อย ๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว สวนผักในเมืองจะช่วยบรรเทาความยากจนด้วยการกระจายการจ้างงานที่จะมาเป็นผู้ผลิตอาหารสำหรับชุมชนท้องถิ่นได้อย่างดี

ที่มา : https://www.onupkeep.com/answers/farming/methods_urban_farming