ห้องเรียนธรรมชาติ กับวิชาชีวิต

หากเราลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของการปลูกผัก ทำสวน อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เราก็จะพบกับข้อมูล รวมถึงงานวิจัย มากมายที่เป็นหลักฐานยืนยันให้เราเห็นว่าการปลูกผัก ทำสวน อยู่ท่ามกลางธรรมชาตินั้น มีส่วนช่วยส่งเสริมให้สุขภาพร่างกายและจิตใจของเราดีขึ้นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ดิน แสงแดด รวมถึงการเคลื่อนไหวในสวน ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ความดันโลหิตที่ลดลง ความเครียดที่ลดลง ความสดชื่น รู้สึกสงบ ที่เพิ่มขึ้น โดยมีการศึกษาถึงปริมาณสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกหลายตัว ซึ่งก็ส่วนใหญ่ก็เคยนำเสนอไปบ้างแล้ว

               

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตัวเองได้มีโอกาสทำสวน ได้เรียนรู้เรื่องการสังเกต และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ประกอบกับได้ศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของธรรมชาติกับชีวิต ก็เชื่อว่า สิ่งที่นับว่ามีคุณค่าอย่างมากที่ห้องเรียนธรรมชาติมอบให้ใครต่อใครหลายคนนั้นไม่ใช่เพียงเรื่องของสุขภาพ ที่มีข้อมูลอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่คือ การเข้าใจชีวิตทั้งของตัวเอง และผู้อื่น ผ่านการสังเกต รับรู้ รับฟังจากธรรมชาติ

ในกระบวนการบำบัดเยียวยาผู้ป่วยที่เรียกว่า Horticultural therapy ซึ่งเป็นการใช้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับพืชและทำสวนเข้ามาช่วยบำบัดเยียวยาทั้งทางกายและจิตใจนั้น นอกจากผู้ป่วยจะได้ลงมือทำสวน ดูแลพืชผักของตัวเองให้เติบโตแล้ว ยังการมีล้อมวงพูดคุยถึงประสบการณ์ที่เชื่อมโยงชีวิตกับธรรมชาติด้วย

               

ตัวอย่างหนึ่งที่นักบำบัดชี้ให้ผู้เข้าร่วมได้เห็นร่วมกันก็คือ เส้นทางการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ ที่คล้ายกับเส้นทางการเยียวยารักษาตัวของแต่ละคน

การได้เห็นธรรมชาติที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่ใบไม้ร่วง หิมะปกคลุมผืนดิน ดูไร้ซึ่งความหวังในการเติบโต แต่แล้วเมล็ดพันธุ์ที่หลับใหลอยู่ในผืนดิน ก็ค่อยๆตื่นขึ้น หยั่งราก ผลิใบอ่อน แทงกิ่งก้าน รับแสงตะวัน

นักบำบัดแห่ง Skyland Trail เอ่ยถามผู้เข้าร่วมบำบัดว่าเราต้องการสิ่งใดบ้างในการเติบโต

“แสงแดด น้ำ ความมั่นใจ ความกล้าหาญ และความอดทน” พวกเขาช่วยกันตอบ

ในขณะที่พวกเขานึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่อดทนรอเวลา และแทงกิ่งก้านขึ้นมารับแสงตะวันด้วยความกล้าหาญ และมั่นใจ แน่นอนว่าพวกเขาก็นึกถึงชีวิตของตัวเองด้วยเช่นกัน

มีบ่อยครั้งที่เมล็ดพันธุ์ที่หยอดลงไปนั้นไม่มีทีท่าว่าจะงอกขึ้นมา แต่แล้ววันหนึ่งเมล็ดพันธุ์นั้นก็เติบโตงอกงามขึ้นมาอย่างไม่คาดฝันมาก่อน การได้เห็นความเป็นไปได้ที่อาจขึ้นแม้ในวันที่สิ้นหวังไปแล้ว การมีโอกาสได้เฝ้าดู ค่อยดูแลรดน้ำ จนเห็นพืชผักเหล่านั้นเติบโต ค่อยๆเติมความมั่นคง และความมั่นใจให้กับพวกเขา อาจกล่าวได้ว่า บ่อยครั้งผู้คนก็ได้ชีวิตใหม่ ได้ความเข้าใจใหม่ จากการมีโอกาสได้เชื่อมโยงสัมพันธ์กับธรรมชาติผ่านการปลูกพืชผักนี่เอง  

นอกจากนี้ หากเรามีโอกาสได้สังเกตพืชพรรณแต่ละชนิดอย่างที่มันเป็นอย่างแท้จริงแล้ว เราก็จะยิ่งพบว่าพืชพรรณแต่ละชนิดนั้น แม้จะเรียกชื่อเหมือนกัน แต่แต่ละต้นต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เหมือนกับที่เราแต่ละคนต่างก็มีความแตกต่างเฉพาะตน และแต่ละคนก็มีคุณค่าในตัวเอง

               

ยิ่งหากเรามีโอกาสได้สังเกตพืชพรรณร่วมกันกับคนอื่น เราก็จะยิ่งมองเห็นตัวเองและเข้าใจความแตกต่างหลากหลายของมุมมองของแต่ละคนมากขึ้นด้วย

มีกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจที่มีโอกาสได้เรียนรู้มาคือ การให้เราออกไปสังเกตพืช 1 ชนิดด้วยกัน โดยนำพืชชนิดนั้นกลับมา แล้วให้แต่ละคนบอกว่าสังเกตเห็นอะไรบ้าง ในระหว่างที่เราฟังเพื่อนบอกว่าเห็นอะไรบ้างนั้น เราก็จะพบเลยว่า บางทีสิ่งที่เพื่อนเห็นนั้น เราแทบไม่เคยสังเกตเลย แม้จะมองสิ่งเดียวกัน แต่เราก็มีมุมมองการรับรู้ที่ทั้งเหมือน และต่างกันได้

 บ่อยครั้ง หลายคนลงมือปลูกพืชผัก ด้วยความมุ่งหวังในผลลัพธ์ว่าจะต้องได้พืชผักที่โตอย่างสวยงาม ไม่มีแมลงหรือศัตรูพืชใดๆมารบกวน นั่นคือประสบความสำเร็จ โดยที่อาจหลงลืมไปว่า ระหว่างทางนั้น มีกระบวนการหลายอย่างเกิดขึ้น และควรค่ากับการเรียนรู้มากมายเช่นกัน

มีคนบอกว่า ธรรมชาติอยากจะสื่อสารกับเราเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจรับฟังแค่ไหน และเชื่อว่าหากใครได้มีโอกาสเปิดตาสังเกต เปิดใจรับฟัง ก็มักจะได้พบกับบทเรียนที่มีคุณค่าสำหรับชีวิตเสมอ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก https://edition.cnn.com/2018/08/03/health/sw-horticultural-therapy/index.html