Bjorn Low : คนสิงคโปร์ทุกคนสามารถช่วยประเทศให้มีการฟื้นฟูเรื่องอาหารได้มากกว่าเดิม

ในขณะที่ประเทศกำลังก้าวไปสู่เป้าหมายที่ต้องการผลิตอาหารให้ได้ร้อยละ 30 ของความต้องการทางโภชนาการภายในปี 2573   Bjorn Low  ผู้อำนวยการบริหารของ Edible Garden City กล่าวว่าชาวสิงคโปร์สามารถทำอะไรได้มากกว่าการปลูกสวนสมุนไพรของตนเอง

การสนทนาทางโทรศัพท์กับเกษตรกรในเมืองอย่าง Bjorn Low มักมีเสียงของแมลงและนกดังคั่นบทสนทนาอยู่เสมอ มันมีความสวยงามและเหมาะสมลงตัวจนแทบไม่น่าเกิดขึ้นได้ ดูจากธุรกิจเพื่อสังคมของเขาที่ได้รับเครดิตอย่างมากในวงกว้าง ในเรื่องการเชื่อมโยงชาวสิงคโปร์ที่คุ้นเคยดีกับยางมะตอยให้กลับเข้าสู่ธรรมชาติอีกครั้ง

ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2012 สวนผักกินได้ในเมือง (Edible Garden City : EGC) ได้ช่วยเหลือในระดับปัจเจกบุคคล และเจ้าของร้านอาหาร ในการสร้างและรักษาดูแลสวนผักกินได้ ขณะที่มีการดำเนินงานของสวนผักในชุมชนจะสามารถสร้างการจ้างงาน และช่วยบำบัดโรคต่าง ๆ ให้กับผู้สูงอายุ คนหลากหลายประเภท โดยเฉพาะคนชายขอบ

แต่มากไปกว่านั้น นี่ดูเหมือนสังคมในอุดมคติที่ชูเรื่องสำนึกการทำเกษตรที่รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งปรากฏตัวอยู่ในรูปของเรื่องเร่งด่วนของประเทศ อันได้แก่ “ความมั่นคงทางอาหาร”

คิดทันโลก เติบโตอย่างท้องถิ่น

ด้วยการระบาดครั้งใหญ่ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ความต้องการในการผลิตอาหารของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก สิงคโปร์ได้นำเข้าอาหารจากต่างประเทศมากกว่าร้อยละ 90 เข้ามาในเกาะ โดยหน่วยงานอาหารของประเทศสิงคโปร์ (the Singapore Food Agency’s : SFA) ได้ตั้งเป้าหมายในปี 2019 ว่า สิงคโปร์จะต้องผลิตอาหารให้ได้ร้อยละ 30 ของความต้องการสารอาหารของประเทศสิงคโปร์

สำหรับ เกษตรกรในเมืองที่มีประสบการณ์ เช่น Low เขาจึงได้ทำโครงการ ‘30 by 30 ambition’ โดยมีเงินทุน 30 ล้านดอลลาร์  ซึ่งใช้ในการหนุนเสริม และสร้างความมั่นคงทางอาหาร

พวกเราเผชิญหน้ากับคุกคามระบบจัดหาอาหารของประเทศเรา ตัวอย่างเช่น มาเลเซียเพิ่มราคาพริกขึ้นทุกปี ๆ ประเด็นปัญหาเหล่านี้ถูกทำให้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตลอดช่วงเวลาที่โลกต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย ประชาชนสิงคโปร์จำนวนมากสามารถรับรู้ได้เองว่า พวกเขาคือคนเปราะบางในสิงคโปร์  Low กล่าว

ถึงแม้ว่า Covid – 19 จะมาเน้นให้เห็นความสำคัญของการเร่งการผลิตอาหารท้องถิ่นขึ้นมา แต่เขากล่าวว่าปัญหาแรกคือวิธีการที่ทั่วโลกทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาความยั่งยืนของระบบอาหาร การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ Covid -19 บังคับให้เกษตรกรทั่วโลกที่จะทิ้งผลผลิตทางการเกษตร โดยปัญหาของเสียที่เป็นอาหารนั้นยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้นและยิ่งลงรากลึกขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าอ้างตามข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ที่ประมาณเอาไว้นั้นมีของเสียที่เป็นอาหารมากถึง 1.3 ล้านตันที่ถูกทิ้งเสียในแต่ละปี

“ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ ระบบอาหารได้กลายเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพเพราะว่าเทคโนโลยี เรามีอาหารส่วนเกินที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ตรงไหนดี เพราะเรื่องเศรษฐกิจ ด้วยขนาดของระบบอาหารที่ต้องดำเนินการนั้นจะต้องมีศูนย์กลางในการรวบรวมผลผลิต ซึ่งต้องเป็นสถานที่ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมและบริการโครงสร้างพื้นฐานรวมกัน  แต่ covid-19 แสดงให้เห็นว่ารูปแบบดังกล่าวมีความเสี่ยง และเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน”  Low กล่าว และพูดเพิ่มเติมถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมของการขนส่งอาหารทั่วโลกนั้นมักจะถูกมองข้าม

คำตอบสำหรับการแก้ปัญหานี้อาจจะเป็นการทำสวนผักในเมืองที่ขนาดเล็กลง และกระจายอยู่ตามเมืองต่าง ๆ และด้วยสวนผักดาดฟ้าของ EGC  บนห้างสรรพสินค้าที่คึกคักซึ่งเต็มไปด้วยถนนที่วุ่นวายที่ตรงกับรายละเอียดนี้

“ห้างสรรพสินค้าเหล่านี้รวมถึงศูนย์การค้า Funan ซึ่งให้บริการร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือ Spa ESPRIT Group ที่ชื่อ  “NOKA”  สวนผักในเมืองให้โอกาสเราที่จะลอง ระบบการเกษตรที่กระจายอำนาจจากส่วนกลาง ไม่รวมศูนย์ และใกล้ชิดกับชุมชน แต่เพราะว่าระดับขนาดใหญ่มากของการผลิตยังทำให้เป็นไปไม่ได้ทางการเงิน ด้วยโมเดลที่หลากหลายเหมือนพวกเรา สถานที่ที่พวกเราปลูกพืช ผลิตอาหาร และทำโครงการหรืออีเว้นท์ตามไลฟ์สไตล์ให้สร้างแรงกระเพื่อมต่อชุมชน พวกเราควรรักษาตัวเราเองให้อยู่พ้นน้ำ” Low กล่าว

มันเป็นการเปรียบเทียบจับคู่ที่ถ่อมตนของใครบางคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อสังคม ซึ่งเติบโตจากเงินทุนเริ่มต้น 10,000 เหรียญสิงคโปร์ และเพิ่มขึ้นจนรายได้เพิ่มขึ้นจนถึง 1.7 เหรียญสิงคโปร์  ในปี 2019 โดยรายได้ของ EGC ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากการจัดสวนอาหารของ EGC (เป็นการฝึกจัดพื้นที่สำหรับรวมพืชที่กินได้กับไม้ประดับ) ซึ่งเป็นบริการที่เริ่มขึ้นในปี 2018

ในความเป็นจริง เซอร์กิตเบรกเกอร์ มากกว่าร้อยละ 40 เพิ่มขึ้นจากสอบถามจากเจ้าของบ้านเหนือการบริการเหล่านี้ ในความพยายามที่จะดำเนินวิถีการเติบโตต่อไป ธุรกิจเพื่อสังคมมีการประยุกต์สำหรับเงินทุน 30X30 ของรัฐบาล รวมถึงเข้าร่วมการประมูลพื้นที่วางบนดาดฟ้าในที่จอดรถหลายชั้นของ HDB

“พวกเรามองโลกในแง่ดี เกี่ยวกับ “30 by 30” ด้วยจากรัฐบาลผลักดันการทำสวนผักในเมือง โดยอัดฉีดเงินกองทุน และกระจายความตระหนักรู้ไปทั่วทุกชุมชน นอกจากนี้เรายังสังเกตเห็นชาวสิงคโปร์ยังสนับสนุนการเกษตรในระดับท้องถิ่นและเลือกที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นมากกว่าการซื้อสินค้านําเข้า”   Low ได้แลกเปลี่ยนความคิดด้วย

เขาทำมาตลอด อย่างไรก็ตาม การโต้แย้งต้องสามารทำใหตระหนักถึงเป้าหมายที่กล่าวมาแล้วด้านบน

กระดูกสันหลังที่แข็งแกร่งของทุกอุตสาหกรรมคือบุคลากรที่มีทักษะและความทุ่มเท ด้วยการทำฟาร์ม เรามีชาวสิงคโปร์จำนวนมากที่เต็มใจที่จะเผชิญกับความท้าทายและรับงาน แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม ถึงกระนั้นเราก็ยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมและโปรแกรมการศึกษาที่พวกเขาสามารถเข้าร่วมเพื่อเพิ่มความรู้และทักษะการทำสวนผักของพวกเขา หลักสูตรส่วนมากที่เปิดสอนในปัจจุบันนั้นเกี่ยวข้องกับการทำสวน โดยบางหลักสูตรจะเน้นไปที่การทำสวนในร่ม เราหวังว่าจะได้เห็นหลักสูตรอื่น ๆ มากขึ้น ทั้งที่เป็นแบบหลักสูตรสำรวจการทำฟาร์มแบบไบโอไดนามิคตลอดจนวิธีการทำเกษตรธรรมชาติอื่น ชายวัย 39 ปีกล่าว

การทำสวนสำหรับสินค้า

การทําฟาร์มที่ยั่งยืนเป็นหัวข้อที่สะท้อนเรื่องราวที่เกี่ยวกับ Low โดยเฉพาะ  เนื่องจาก Low เคยเข้าเรียนในวิทยาลัยเกษตรในสหราชอาณาจักร และทํางานในฟาร์มอินทรีย์ในยุโรป โดยเคยเป็นอดีตนักโฆษณาที่สามารถแรงสั่นสะเทือนต่อการสรุปข้อมูลที่เกี่ยวกับประโยชน์ของการทำเกษตรแบบวงจรปิด ที่ซึ่ง EGC ใช้ฝึกหมักของเสีย เพื่อนํามาใช้เป็นปุ๋ยใส่ดิน มันเป็นการรักษาผลประโยชน์ภายในฟาร์ม

ในความเป็นจริง EGC ได้รับการอำนวยความสะดวกในเรื่องงานวิจัยทางการแพทย์โดคณะกรรมการสวนสาธารณะแห่งชาติ และ ระบบสุขภาพของมหาวิทยาลัยแห่งชาติ (โรงเรียนแพทย์ Yong Loo Lin) ซึ่งงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทำสวนผักสามารถพัฒนาสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีในวัยผู้สูงอายุ

เส้นเลือดหลักนั้น ที่ทำให้เมืองยังสนใจในฟาร์มอยู่ คือฟาร์มเป็นพื้นที่สำหรับให้คนแก่สามารถมาเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ยกตัวอย่าง เช่น สวนผัก Ah Gong ที่ตั้งอยู่ในชุมชุน York Hill Estate สำหรับคนรายได้น้อย และนี่คือกระบวนการที่เสริมความเข้มแข็งให้แก่ขีดความสามารถของสวนผักบำบัด นี่ยังรวมถึงการที่สตาฟได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสวนบำบัดและ รักษาความเหมาะสมของฟาร์มยุคเก่าให้คงอยู่ด้วยการเข้าถึงอุปกรณ์ช่วยเหลือและรถเข็นวีลแชร์

“ปีที่แล้ว มันถูกรายงานว่าประเทศสิงตโปร์จ่ายเงินประมาณ 3.1 พันล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ เพื่อแก้ปัญหาการป่วยจากความเครียดประจำปี และการจ่ายเงินก้อนนี้จะดำเนินการเลื่อนระดับต่อไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นของประชากร ถ้าพวกเราสามารถรักษาประชาชนให้เข้าถึงผ่านอาชีพต่าง ๆ ในภาคการเกษตรในเมืองได้อย่างมีความหมาย และทำให้พวกเขาออกมาจากการแยกตัวจากสังคมได้อย่างมีศักยภาพ พวกเราจะสามารถหยุดวิกฤติการดูแลสุขภาพครั้งใหญ่เอาไว้ได้”

สมมติฐานทางชีววิทยาของมนุษย์ระบุว่า มนุษย์มีแนวโน้มที่จะแสวงหาการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ และรูปแบบของชีวิตอื่น ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกอยู่ใน EGC

แต่ด้วยประเทศสิงคโปร์ที่กำลังพัฒนา สวนเทคโนโลยีการเกษตรขนาด 18 เฮคตาร์ ใน Sungei Kadut และประเทศกำลังมุ่งเน้นการพัฒนาเครื่องยนต์และเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อการเก็บเกี่ยวอย่างคุ้มค่า และสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นี่อาจจะเป็นความเสี่ยงในอนาคตที่จะส่งผลให้ความสัมพันธ์ของคนเมืองอย่างเรากับธรรมชาติหายไปอีกหรือไม่

Low ได้อ้างถึงการวิจัยและพัฒนาการลงทุนซึ่งเป็นหัวใจหลักเพื่อสร้างภาคเกษตรให้มีกำไรมากขึ้นในประเทศสิงคโปร์ที่ขาดแคลนที่ดิน

“สิงคโปร์สามารถกลายเป็นศูนย์รวมของภูมิภาคสำหรับการวิจัยในการเกษตร แม้ว่ามันจะกลายเป็นการสร้างปุ๋ยเคมีในระดับใหม่ หรือเมล็ดพันธุ์ GMO ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตรงกับหลักของ Low เองบางข้อ แต่มันเป็นนวัตกรรมที่มีความสำคัญ และพวกเรามีโครงสร้างและระบบการสนับสนุนที่พร้อมอยู่แล้วสำหรับการทำสิ่งเหล่านี้” เขากล่าว

การทำเกษตรด้วยวิธีของ EGC เหมือนโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย ในทางเดียวกันการทำเกษตรกลางแจ้งด้วยดินเป็นหลัก ฟาร์มแมลง และระบบไฮโดรโปนิกในร่ม มันเป็นการทำงานร่วมกันล่าสุดระหว่างหุ้นส่วนใหม่ที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีการเกษตรของญี่ปุ่น ที่ใช้สำหรับปลูกผักของญี่ปุ่นโดยเฉพาะอย่าง Komatsuna และ Wasabina ในคอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตที่ติดเทคโนโลยีทำเมฆ

สำหรับตอนนี้ Low รักษารูปร่างของความสนใจให้พุ่งตรงไปที่การทำฟาร์มสำหรับสังคมที่ดีขึ้น และสร้างผลกระทบทางบวกต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่เพิ่มความตระหนักรู้เรื่องภาพในการทำสวนผัก หรือฟาร์มในเมือง

“คนสิงคโปร์ทุกคนสามารถช่วยชาติในส่วนของตนเองได้ ในเรื่องการเพิ่มความหยืดหยุ่นให้กับระบบอาหาร ความพยายามเหล่านี้จะไม่จำกัดการซื้อสินค้าท้องถิ่น หรือการมีสวนสมุนไพรเป็นของตนเอง ซึ่งสามารถทำได้ด้วยใจที่เป็นอาสาสมัคร หรือจากทั้งการลดขยะอาหาร หรือแม้กระทั่งการสนับสนุนของกินที่มาจากเกษตรกรท้องถิ่น ” Low กล่าวสรุป

 

 

บทความต้นฉบับโดย CARA YAP
ที่มา :