วัด : พื้นที่แห่งการเรียนรู้และความมั่นคงทางอาหารของชุมชน

พูดถึงวัด หลายคนก็คงนึกถึงบทบาทสำคัญๆ อย่างการเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน เป็นแหล่งรวมของศิลปะวัฒนธรรม มรดกอันล้ำค่าของชาติ อีกทั้งยังเป็นที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญๆในชีวิต บ้างก็เป็นสถานพยาบาล บ้างก็เป็นสถานศึกษา บ้างก็เป็นที่ประชุม บ้างก็เป็นที่จัดเทศกาลหรือมหรสพต่างๆ

ท่ามกลางวิกฤตโควิด 19 ที่เกิดขึ้นนี้ ดูเหมือนว่านอกจากบทบาทเดิมที่วัดเคยมีดังที่กล่าวมาข้างต้น วัดก็ยังสามารถกลายเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ และพื้นที่อาหารปลอดภัย ให้กับชาวบ้านในชุมชนได้อีกด้วย ดังเช่นที่วัดหมื่นสาร ในเมืองเชียงใหม่ได้ริเริ่ม และลงมือทำ

 

 

ด้วยความที่ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการเข้าถึงอาหารปลอดภัยของชาวบ้าน อีกทั้งยังพบว่าบ้านของชาวบ้านส่วนใหญ่ในชุมชนไม่ค่อยจะมีพื้นที่สำหรับปลูกผัก เพื่อให้ตนเองมีอาหารไว้กินในครัวเรือนกันได้มากนัก ทางวัดหมื่นสาร จึงได้แบ่งพื้นที่ว่างที่วัดพอจะมีอยู่บริเวณด้านหลัง จัดสรรให้กลายเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องการเพาะกล้า ปลูกผัก และก็ได้ช่วยกันลงมือเปลี่ยนพื้นที่ว่างของวัดให้กลายเป็นพื้นที่อาหาร โดยมีทั้งพระและเณรเข้ามามีส่วนร่วมในการลงมือทำ และช่วยกันดูแลรดน้ำ

 

 

เมื่อถามถึงการจัดการผลผลิตที่ได้ ทางทีมงานที่มาช่วยกันทำสวนก็บอกว่า ส่วนหนึ่งก็อาจจะนำไปทำอาหารถวายพระกับเณร อีกส่วนก็อาจจะแบ่งให้กับชาวบ้าน โดยจะตั้งกล่องสำหรับทำบุญไว้ เพื่อว่าจะได้มีกองทุนหมุนเวียนในการทำสวนผักต่อไป

 

 

แม้ว่าแปลงผักแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร และก็เพิ่งเริ่มต้นทำกันไม่นานนัก แต่ก็นับเป็นตัวอย่าง และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่สะท้อนให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว พื้นที่ในบริเวณวัดบางแห่งที่มีอยู่มากมาย ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ สร้างเป็นพื้นที่อาหารปลอดภัยให้กับคนในชุมชนได้เช่นกัน แถมยังเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทั้งพระ เณร และชาวบ้าน ได้มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันหล่อเลี้ยงพืชผักให้เติบโต กลายเป็นอาหารที่ดีมีคุณภาพให้ทั้งคนในวัด และคนนอกวัดได้กินกันด้วย

 

 

นอกจากนี้ เรายังสามารถเชื่อมโยงเรื่องการปลูกผักให้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีการภาวนาได้ด้วย อย่างที่ทางหมู่บ้านพลัม ซึ่งเป็นชุมชนปฏิบัติธรรมตามแนวของหลวงปู่ติช นัท ฮันท์ ก็ได้เคยจัดกิจกรรมภาวนา ปลูกผัก ปลูกสติอยู่บ่อยครั้ง โดยผู้เข้าร่วมนอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องเทคนิควิธีการปลูกผักแล้ว ยังได้ฝึกทำสวนอย่างมีสติ รู้ตัวในขณะที่เคลื่อนไหว กำลังหยิบ จับ หรือทำอะไร ก็อยู่กับปัจจุบันขณะอย่างแท้จริง ที่สำคัญในการปลูกผักทำสวน ยังมีส่วนช่วยนำพาให้ผู้คนได้รู้จักตนเอง ได้เข้าใจธรรมชาติ และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติมากขึ้นด้วย

เชื่อว่าคนที่มีโอกาสได้ปลูกผักทำสวน ก็คงได้บทเรียน หรือข้อคิดดีๆจากการทำสวนกลับไปไม่มากก็น้อย จริงมั้ยคะ