เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ฟังการบรรยายของ
ผศ.ดร. ปิยะพงษ์ บุษบงก์ สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ในงานสมัชชาความมั่นคงทางอาหารประจำปี 2563 “สร้างสังคมความมั่นคงทางอาหาร เผชิญหน้าวิกฤต”
ระหว่างวันที่ 29 – 30 มิถุนายน 2563 ณ สวนชีววิถี
โดย ผศ.ดร. ปิยะพงษ์ บุษบงก์ ได้ร่วมแลกเปลี่ยน หัวข้อ “เมืองผลิตอาหาร” ในประเด็น “บทบาทเกษตรในเมืองในการรับมืองวิกฤต” ร่วมกับ พี่สุภา ใยเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน(ประเทศไทย) ที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนบทบาทเกษตรในเมืองของเมืองไทย (สวนผักคนเมือง) และอาจารย์ร่วมแลกเปลี่ยนในบริบทของต่างประเทศ ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับบทบาทความสำคัญของเกษตรในเมืองในการรับมือกับวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมือง
โครงการสวนผักคนเมือง ขอสรุปเนื้อหา/บทเรียนในระดับสากล ที่ชี้ให้เห็นว่าเกษตรในเมืองมีบทบาทสำคัญกับการรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องอาหาร ที่อาจารย์ได้ค้นคว้าข้อมูล ประสบการณ์ของประเทศต่างๆ มาเล่าให้เราฟัง
“เกษตรในเมืองทั่วโลก เกิดและเติบโตมาจากวิกฤต”
เวลาที่เราพูดถึงเรื่องเกษตรในเมือง เราต้องเริ่มต้น ตั้งต้นให้ดีเลยว่า ทั่วโลกเรื่องเกษตรในเมืองเกิดขึ้น และเติบโตมาจากวิกฤตแทบทั้งสิ้น!! อาทิ
- ปี 1649 – 1650 ปรากฏการณ์ “นักขุดดิน (Diggers)” เกิดขึ้นในช่วงที่มีสงครามกลางเมืองในยุโรป โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ …เมื่อทุกคนเริ่มรู้สึกและตระหนักว่าการเข้าถึงอาหารเป็นเรื่องลำบาก ก็เกิดปรากฎการณ์ นักขุดดิน หรือ Diggers ขึ้น โดยคนเมืองลุกขึ้นมาหยิบจอบหยิบเสียมขุดดินเพื่อผลิตอาหาร ในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ในตัวเมืองที่กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรม
+
- ศตวรรษที่ 18 – ‘Allotment’ เป็นช่วงเวลาสุกงอมของการปฎิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็พบว่า มีการแบ่งปันพื้นที่ที่อยู่ใจกลางเมือง พื้นที่สาธารณะต่างๆ ทั้งในกรุงลอนดอน กรุงเบอร์ลิน ด้วยการแบ่งปันพื้นที่เหล่านี้ให้กับครอบครัวของกลุ่มแรงงาน ได้มาใช้ประโยชน์ ปลูกผัก ปลูกอาหารกินเอง และจากจุดเริ่มต้นตรงนี้เองที่ส่งผลเป็นวัฒนธรรมมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่เรียกว่า Allotment couture หรือการแบ่งปันพื้นที่ขนาดเล็กเท่าหลุมฝักศพให้กับผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มคนยากคนจนที่อยู่ในเมือง ได้มีพื้นที่ผลิตอาหารบริโภคเอง ซึ่งปรากฎการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเช่นเดียวกัน
- ปี 1902 – Garden Cities of Tomorrow ก็เริ่มมีการตั้งคำถามกับผังเมืองในแบบเดิม ที่มองว่าการพัฒนาเมืองก็คือการพัฒนาในเชิงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์เป็นหลัก ไปสู่การคิดถึงเรื่อง Garden Cities ที่พวกเราเริ่มได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ในช่วงหลังมานี้ ที่มีการพูดถึงว่า ‘การพัฒนาเมืองที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องละทิ้งเรื่องของพื้นที่อาหาร และพื้นที่สีเขียวอื่นๆ’ ก็เลยเกิดตัวอย่างของเมือง ที่ชื่อว่า ‘Letchworth’ เริ่มมีการออกแบบผังเมืองของเมืองแห่งนี้ ให้เป็นเมืองที่มีทั้ง พาณิชย์ อุตสาหกรรม พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่อาหาร รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวอยู่ด้วยกัน และได้กลายเป็นโมเดลสำคัญที่ขยายไปเป็นการออกแบบเมืองในหลายๆ เมือง ให้ศตวรรษที่ 19 และ 20 เป็นต้นมา ที่คิดถึงการออกแบบเมือง และเมืองในความหมายที่ว่า เมืองไม่จำเป็นจะต้องเป็นเมืองอุตสาหกรรมนำอย่างเดียว
- ปี 1969 ที่เมืองฮาวาน่า ประเทศคิวบา เมืองตัวอย่างของเรื่องเกษตรในเมือง ซึ่งมีปรากฏการณ์สำคัญ คือ เมืองหลายเมืองได้รับผลกระทบ ความกดดัน การคว่ำบาตรต่างๆ ที่เป็นผลพวงมาจากช่วงสงครามเย็น เนื่องจากเกิดวิกฤตที่มาจากการถูกคว่ำบาตร จนทำให้ไม่มีอาหารกินเลย ถึงขั้นว่า อาหารในสวนสัตว์ ต้องเขียนป้ายติดไว้ว่า “ห้ามแย่งอาหารสัตว์กิน ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามันเกิดปัญหา เกิดวิกฤตทางอาหารที่รุนแรงมาก และในช่วงเวลานั้นที่ประเทศคิวบา โดยเฉพาะที่เมืองฮาวาน่า ที่ถือได้ว่าเป็นเมืองต้นแบบที่ได้รับการยอมรับที่สำคัญ ในการพูดถึงเรื่องเกษตรในเมือง เพราะการทำเกษตรในเมือง เป็นตัวตอบโจทย์เรื่องความไม่มั่นคงทางอาหารของเขา การทำเกษตรในเมืองทำให้เมืองฮาวาน่า ผ่านพ้นวิกฤตอาหารในครั้งนั้นมาได้ และยังรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน ทั้งผ่านพ้นวิกฤตอาหาร และยังมีการผลิตอาหารที่เพียงพอกับทุกคน ซึ่งกรณีศึกษาของเมืองนี้ถือเป็นลักษณะพิเศษ เพราะไม่ใช่ว่าทุกเมืองจะสามารถผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงดูคนได้ 100%
- ปี 2001 เมืองโรซาริโอ ประเทศอาเจนตินา หลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งคล้ายๆ กับวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในบ้านเรา คือ เป็นสถานการร์ที่รุนแรงมาก วิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนั้น ทำให้เมืองโรซาริโอแทบจะล้มครืนลงไปเลยทีเดียว แต่เมืองแห่งนี้ก็สามารถฟื้นตัวได้ด้วยเกษตรในเมืองเช่นเดียวกัน ผลพวงของเรื่องเกษตรในเมือง จึงเป็นการตอบรับ และการรับเมืองกับวิกฤตที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีต
- วิกฤติ Climate Change – ขบวนการ Transition towns ซึ่งเป็นขบวนการที่เอาเรื่องเกษตรกรรมนำหน้าในการที่จะรับมือกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเมือง ทั้งนี้ก็มักจะเริ่มต้นจากเรื่องของอาหาร เรื่องของพลังงาน และระบบแลกเปลี่ยนภายในชุมชน ซึ่งการเติบโตของกลุ่ม Transition towns กระจายตัวอยู่ทั่วโลก เราจะเห็นเครือข่ายนี้กระจายอยู่เกือบทุกเมืองหลักๆ ในโลกทุกมุมโลก และในฝั่งของทวีปเอเชียเองก็มีหลายเมืองก็พยายามที่จะพัฒนาไปในแนวทางนี้ ซึ่งก็เป็นการผนวกเรื่องของอาหารเข้าไปกับการเตรียมความพร้อมรับมือกับภาวะวิกฤตที่มาจาก Climate Change โดยเฉพาะการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น คือ อยากจะเน้นให้เห็นก่อนว่า
เกษตรในเมืองนั้น เกิดและเติบโตมาพร้อมกับวิกฤตมาโดยตลอด
ที่มาของรูปภาพจาก
- https://diggers.org
- https://smudgyguide.net/the-diggers/
- https://www.reddit.com/r/ukpolitics/comments/65v9c1/england_is_not_a_free_people_till_the_poor_that/?utm_source=share&utm_medium=web2x
- https://researchgate.net/figure/The-Three-Magnets-from-Garden-Cities-of-Tomorrow-1902-Ebenezer-Howard_fig1_317590750
- http://www.oliviapress.co.uk
- https://www.letchworth.com
- http://www.urbanreforestation.com/blog/urban-agriculture-in-havana-cuba
- https://theconversation.com/how-urban-agriculture-can-improve-food-security-in-us-cities-106435
- https://www.thepolisblog.org/2010/09/right-to-urban-agriculture-in-rosario
- https://transitionnetwork.org
โปรดติดตาม ตอนที่ 2 อาจารย์ปิยะพงษ์ จะพาพวกเราไปเรียนรู้ประสบการณ์ของ เมือง 8 เมือง ใน 8 ประเทศ ที่มีความโดดเด่นอย่างมาก ในช่วงวิกฤต COVID -19 ทั้ง 8 เมือง ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเกษตรในเมือง ที่นำพาให้เมืองรอดจากวิกฤตอาหาร