เดินเท้าเปล่า สัมผัสดิน ตั้งหลักให้ชีวิต

ดูเหมือนว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ในบ้านเราจะตึงเครียดน้อยลง หลายคนออกมาใช้ชีวิต เดินหน้าทำงานตามปกติ ในขณะที่อีกหลายคนก็กำลังตกอยู่ในความเครียด สับสน ไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปยังไง เรื่องหนึ่งที่เคยเขียนถึง และชวนให้ลองทำกันดูก็คือ การออกมาทำสวนปลูกผัก ซึ่งพบว่ามีส่วนช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย สลายความเครียดได้อย่างดี อีกทั้งยังพบว่า การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เฝ้าดูการเติบโตของพืชผัก ยังมีส่วนช่วยทำให้ชีวิตรู้สึกมีความหวัง มีความมั่นใจ และเห็นคุณค่าให้ชีวิตตัวเองได้มากขึ้นด้วย  อย่างไรก็ตาม นอกจากการทำสวนปลูกผักแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากชวนให้ลองทำกันดู เพื่อช่วยปรับสมดุลทั้งทางกายและใจ ช่วยให้เราตั้งหลักในชีวิตได้ดีขึ้น ก็คือ การออกมาเดินเท้าเปล่า สัมผัส เชื่อมโยงกับผืนดิน

 

 

มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาพบว่า การเดินเท้าเปล่า สัมผัสผืนดิน มีส่วนช่วยทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ มีความมั่นคงทางจิตใจมากขึ้น ใครที่คิดฟุ้งซ่าน รู้สึกสับสนว้าวุ่นใจ จนนอนไม่หลับ เขาก็พบว่า การออกมาเดินเท้าเปล่า สัมผัส เชื่อมโยงกับผืนดินนี้ ก็มีส่วนช่วยให้ความวิตกกังวลลงน้อยลง และนอนหลับได้ดี บางคนที่กินยานอนหลับแล้วก็ยังไม่หลับ พอได้ลองออกมาเดินดินเป็นประจำ ก็พบว่าตัวเองนอนหลับได้อย่างสบาย อย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัย ที่พบว่า การเดินเท้าเปล่า สัมผัสผืนดิน ยังมีส่วนช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ รวมถึงยังมีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และปรับสมดุลให้กับร่างกายด้วย

 

 

ถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ก็มีคำอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า ที่บริเวณผืนดินจะมีสนามพลังที่เป็นประจุลบ ซึ่งเมื่อร่างกายเราสัมผัสกับผืนดิน เจ้าสนามพลังนี้ก็จะเข้ามาช่วยปรับสมดุลสนามพลังในร่างกาย และช่วยสลายไฟฟ้าสถิตที่สะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งเกิดจากใช้เครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รวมถึงการอยู่หน้าจอทีวีเป็นเวลานาน และเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดสะสมในร่างกายโดยไม่รู้ตัว  เมื่อสนามพลังสมดุล เราก็รู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกสงบ มั่นคง และมีพลังชีวิตมากขึ้น

นอกจากนี้ ตามหลักของแพทย์แผนจีน ก็จะกล่าวถึงจุดสะท้อนเท้าที่มีผลต่ออวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายมากมาย การที่เราออกมาเดินเท้าเปล่า สัมผัสผืนดิน ก็มีส่วนช่วยกระตุ้น หรือนวดจุดสะท้อนเท้าสำคัญๆไปในตัวนั่นเอง

ที่สำคัญคือ เวลาที่เท้าเราสัมผัสกับผืนดิน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราจะกลับมามีสติ รู้เนื้อรู้ตัวมากขึ้นกับแต่ละย่างก้าวของเราที่ก้าวลงไปบนผืนดิน  เป็นเหมือนการช่วยให้เราได้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะมากขึ้น แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองตลอดเวลา และช่วงเวลาเช่นนี้ ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่หลายคนพบกับความสุขลึกๆภายในอย่างบอกถูก บางคนอาจพบกับคำตอบบางอย่างในชีวิต ที่ปิ้งแว๊บขึ้นมาก็เป็นได้

ว่าแต่เราควรจะเดินเท้าเปล่า สัมผัสผืนดินกันนานแค่ไหน จากงานวิจัย เขาก็พบว่า ถ้าจะให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ ก็ควรจะใช้เวลาเดิน หรือสัมผัสผืนดิน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ถ้าใครมีสวนผัก ก็อาจจะลองถอดรองเท้า เดินในสวนระหว่างทำงานในสวนก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเวลามากขนาดนั้น ก็เชื่อว่า การมีเวลาให้ตัวเองได้ออกไปเดินสัมผัสผืนดิน สักอย่างน้อย 10 นาที ก็จะสัมผัสได้ถึงพลังของผืนดินแล้วไม่มากก็น้อย นอกจากการเดินแล้ว คุณอาจจะยืน นั่ง หรือนอนบนผืนดินก็ได้เหมือนกัน ใครนึกสนุกหน่อย ก็อาจจะลองกลิ้งตัวไปบนผืนดิน หรือยืนจินตนาการว่าตัวเองเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ ที่หยั่งรากลงสู่ผืนดิน และแตกกิ่งก้านสาขาขึ้นไปสู่ฟ้า รับพลังจากแสงอาทิตย์เข้ามาให้ร่างกายเติบโตงอกงาม ก็ได้

 

 

นอกจากเรื่องการสัมผัสผืนดิน เพื่อช่วยเยียวยาสุขภาพกายและใจ ช่วยตั้งหลัก ปรับสมดุลให้ชีวิตแล้ว อยากพูดถึงประโยชน์ของการเดินเท้าเปล่า ที่เชิงประโยชน์ทางสรีระร่างกายเพิ่มเติมสักเล็กน้อย เพราะเรื่องนี้ ได้รับการพูดถึงอย่างมากในแถบยุโรป จนมีสวนสาธารณะหลายแห่งที่ออกแบบให้มีบริเวณที่ผู้คนสามารถที่จะเดินเท้าเปล่าได้เลยทีเดียว

 

 

 

มีการศึกษาพบว่า การเดินเท้าเปล่านี้ มีส่วนช่วยทำให้กลไกการทำงานของเท้าดีขึ้น ซึ่งก็ส่งผลต่อการทำงานของสะโพก หัวเข่า และแกนกลางของร่างกายด้วย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้เราสามารถทรงตัวได้ดี ทั้งกล้ามเนื้อ ข้อต่อ เส้นเอ็น มีความแข็งแรงมากขึ้น และที่สำคัญคือทำให้อาการเท้าผิดรูปที่มักเกิดจากรองเท้าที่สวมใส่ลดน้อยลงด้วย

 

 

เข้าไปดูในเวปไซด์เกี่ยวกับ Barefoot Park ก็พบว่า แต่ละสวนสาธารณะเขามีการออกแบบเส้นทางเดินด้วยเท้าเปล่าตามธรรมชาติอย่างน่าสนใจมาก เปิดโอกาสให้เท้าได้สัมผัสกับผืนผิวธรรมชาติที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหิน ทราย น้ำ หญ้า ท่อนซุง บางแห่งยังมีสนามเด็กเล่น ให้เด็กๆได้มีโอกาสได้ปีนป่ายด้วยเท้าเปล่าด้วย ใครสนใจลองเข้าไปชมกันเพิ่มเติมต่อได้นะคะ เผื่อเป็นไอเดียนำมาปรับใช้ในการออกแบบสวนที่เอื้อต่อการเดินเท้าเปล่ากันต่อได้

ยามนี้ หากคิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเดินหน้าต่อยังไง ก็ลองหาเวลาให้ตัวเองได้ออกมาเดินเท้าเปล่า สัมผัสผืนดินกันดูนะคะ

 

ขอบคุณเรื่องราวและรูปภาพจาก

https://www.fix.com/blog/health-benefits-of-barefoot-gardening/

https://scottjeffrey.com/grounding-techniques/

https://yogaschool.asia/barefoot-healing-why-digging-your-toes-into-the-grass-daily-benefits-your-body/

https://www.mindbodygreen.com/0-9099/the-surprising-health-benefits-of-going-barefoot.html

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3576907/

https://www.mindbodygreen.com/0-9099/the-surprising-health-benefits-of-going-barefoot.html

https://heartmdinstitute.com/wp-content/uploads/2010/02/IMCJ10_3_p16_24chevalier.pdf

http://www.barfusspark.info/en/park.htm

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/398948