เรื่องเล่าจากห้องเรียนธรรมชาติ @ Sriracha Forest School

ไม่บอกใครจะนึกว่าศรีราชา จะมีป่าอยู่ในเมือง

ปกติเวลาลงพื้นที่ที่ศรีราชา จุดนัดหมายส่วนใหญ่มักเป็นสวนผัก แต่คราวนี้ เรามีนัดกับพี่จิ๊บ ญาดา จำนงค์ทอง หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าหมอจิ๊บ ที่สวนรุกขชาติหนองตาอยู่ ศรีราชา  นาทีแรกที่เห็นป่าแห่งนี้ ก็อดรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่ได้ ก็ใครจะนึกว่า ศรีราชา มีป่าในเมืองแบบนี้ให้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กปกติ หรือเด็กพิเศษ ได้มาเปิดโลกกว้าง ใช้ชีวิต เรียนรู้ และเติบโตไปด้วยกัน

เดิมที เรารู้จักหมอจิ๊บ ในฐานะผู้ทำสวนผักบำบัดที่ช่วยเยียวยาจิตใจผู้คน มาวันนี้ หมอจิ๊บสลายบทบาทของตัวเอง จากการเป็นพยาบาลจิตเวช มาเป็นคนเดินดินธรรมดา ที่ทำงานเพื่อผืนโลก หรือ ที่หมอจิ๊บเรียกว่า ทำงานให้กับ Mother Earth  ในห้องเรียนธรรมชาติที่กว้างใหญ่ และ ไร้ข้อจำกัดใดๆ

 

 

หนึ่งในงานที่หมอจิ๊บ ร่วมกับทีมเพื่อนทำก็คือ Sriracha forest school  ที่ช่วยเปิดพื้นที่ และนำพาให้เด็กและผู้ปกครอง ทั้งกลุ่มเด็กทั่วไป และกลุ่มเด็กพิเศษ ได้มีโอกาสสัมผัส ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น

วันที่เราไป ทีมหมอจิ๊บกำลังสอนโยคะภายใต้ร่มไม้ในผืนป่าแห่งนี้ ให้กับบรรดาแม่ๆ เด็กพิเศษ จากเดิมที่พวกเขาเคยทำกิจกรรมอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม หมอจิ๊บกับเพื่อนก็ตัดสินชวนพวกเขาออกมาเรียนรู้ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากโยคะแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่พวกเขาทำด้วยกันเป็นประจำก็คือ เดินป่า

 

 

บอกตามตรง ตอนแรก เราก็ออกเดินป่าไปด้วย พร้อมกับรอดูว่า หมอจิ๊บ กับครูปอ ทีมงานหลัก จะชวนทำอะไร แต่วันนั้น เราเดินด้วยกันอย่างเป็นอิสระ แต่ละคนต่างก็มีลีลา ความสนใจ ของแต่ละคน เด็กเล็กๆบางคนพบกับต้นไม้ ดอกไม้ ที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับตัวเอง บางคนถือกล้องไปสำรวจนก บางคนเดินฟังเสียงธรรมชาติ บางคนก็เลือกที่จะเดินช้าๆ สำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว  ทุกอย่างล้วนเป็นอิสระ ไม่มีโจทย์ ไม่มีข้อบังคับ หรือกฎเกณฑ์ใดๆ

 

 

วันนั้น มีโอกาสได้คุยกับแม่โอ๋ คุณแม่น้องโบกี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเด็กพิเศษที่มาร่วมกิจกรรมเดินป่าอยู่เป็นประจำ แม่โอ๋เล่าให้ฟังว่า “การออกมาเดินป่า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และก็เป็นช่วงเวลาที่เราได้เปิดพื้นที่ให้กับลูกของเราได้เป็นตัวของตัวเอง เราเพียงแต่เป็นผู้เฝ้ามองอยู่ห่างๆ ซึ่งต่างมากกับเวลาอยู่บ้าน ที่เรามักจะต้องเคร่งเครียดอยู่เป็นประจำ เพราะต้องคอยกำหนดให้ลูกทำตามระเบียบ ทำตามความคาดหวังต่างๆนานา พอได้รู้จักกับความผ่อนคลายของตัวเอง ก็เริ่มกล้าที่จะวางใจ ปล่อยให้ลูกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และเมื่อปล่อยให้ลูกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เราก็เริ่มเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเขามากมายด้วย และสิ่งนี้ก็ส่งผลให้ลูกเรามีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ”

นอกจากการออกมาทำกิจกรรมในป่า ท่ามกลางธรรมชาติแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่มีส่วนช่วยให้น้องโบกี้ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ก็คือ การได้ทำกิจกรรมเป็นกลุ่มร่วมกับผู้อื่น

 

 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า ออกมาเดินป่าแล้วมีผลดีมากมาย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยที่จะมาเดินป่า ดังนั้นการที่หมอจิ๊บ กับครูปอ ทีม Sriracha Forest School จัดกิจกรรมอย่างนี้ขึ้น ก็เป็นการช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัย และรู้สึกมั่นใจ ให้กับทั้งผู้ปกครอง และเด็ก ที่อาจยังไม่คุ้นเคยในการเดินป่าได้อย่างดี เป็นการค่อยๆก้าวเดินไปด้วยกัน โดยมีผู้นำที่มั่นคงภายใน และพร้อมจะเปิดโอกาสให้ความเป็นไปได้ต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งก็ส่งผลให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง รู้สึกวางใจ ที่จะปล่อยเด็กให้เป็นอิสระมากขึ้นด้วย

 

 

“เราเชื่อมั่นในธรรมชาติ เชื่อมั่นในศักยภาพของทุกคน และเชื่อว่าทุกอย่างไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป เราสามารถเห็นความงามในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าเป็นปัญหา เป็นข้อผิดพลาด แต่เราก็เห็นความงาม และวางใจในสิ่งที่เกิดขึ้น กิจกรรมส่วนใหญ่จึงมักจะไร้รูปแบบ เน้นให้ทุกคนได้ลงมือทำเอง มากกว่าจะกำหนดว่าให้ทำอะไร และก็เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันจะนำไปสู่ผลลัพธ์เอง”  นี่คือสิ่งที่ทั้งหมอจิ๊บ และครูปอ เชื่อ และก็นำพาให้เกิดเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ใจขึ้นเสมอๆ

 

 

จะว่าไป น้องโบกี้ ก็น่าจะเป็นหนึ่งในครอบครัวตัวอย่าง เป็นความงดงามที่เกิดขึ้น ณ ป่าในเมืองแห่งนี้ แม่โอ๋เล่าให้ฟังเพิ่มอีกว่า เวลาอยู่ที่โรงเรียน เขามักจะเป็นเหมือนเด็กหลังห้อง ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากเพื่อน แต่พอมาทำกิจกรรมที่นี่ เขาก็ได้รับโอกาสให้ลองเป็นผู้นำ บางทีก็นำน้องๆเดินป่า บางทีก็นำโยคะ ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกภูมิใจ และเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

 

 

วันนั้น เราเห็นน้องโบกี้ นั่งเล่นกีตาร์คู่ใจอยู่ แม้เราจะฟังไม่เป็นเพลง แต่ก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาห้ามปราม ปล่อยให้เขาได้เป็นอิสระกับสิ่งที่เขารัก ท่ามกลางธรรมชาติ ลองแอบเข้าไปดูกิจกรรมย้อนหลังที่พวกเขาทำกันมา ก็เห็นเนื้อเพลงที่น้องโบกี้แต่ง หลังจากที่ได้เดินป่า แล้วก็รู้สึกทั้งทึ่ง และซาบซึ้งในศักยภาพและความงามที่อยู่ภายในของเราแต่ละคนจริงๆ

 

 

นี่เป็นเพียงหนึ่งในเรื่องราวที่น่าประทับใจ ที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมร่วมกันของ Sriracha Forest School ในผืนป่าแห่งนี้ พวกเขายังทำกิจกรรมสร้างสรรค์อีกมากมาย กับผู้คนที่หลากหลาย ด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกคนล้วนมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่ในตัวเอง

ใครสนใจก็ลองติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ที่ FB A Balanced Living Room นะคะ

ขอบคุณรูปภาพจาก fb teerakun khwankham , fb ญาดา จิ๊บ จำนงค์ทอง, fb A Balanced Living Room