เรื่องเล่าจากสวนผักชุมชน บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งรัก

เมื่อบอกใครว่าจะทำโครงการสวนผักชุมชน หลายคนมักถามกลับมาว่าปลูกแล้วจะเอาไปขายที่ไหน ฉันตอบว่า ปลูกแล้วตั้งใจจะแบ่งปันกันกินค่ะ ฉันอยากทำสวนผักชุมชนแห่งนี้ ให้เป็นพื้นที่ที่ไม่ใช่แค่สำหรับผลิตอาหารปลอดภัยจากสารเคมีเท่านั้น แต่อยากให้สวนผักแห่งนี้ เป็นพื้นที่สานสัมพันธ์ผู้คนในชุมชน เป็นพื้นที่เรียนรู้ ที่ช่วยบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งรักให้เติบโตงอกงามขึ้นในจิตใจ เป็นความรักที่มีให้ทั้งกับตัวเอง กับผู้อื่น และกับธรรมชาติรอบตัว

 

 

ฉันอยู่ในหมู่บ้านกรีนวิลล์แห่งนี้มาเป็นเวลากว่า 20 ปี บอกตามตรงว่าแทบไม่รู้จักใคร เวลาเดินออกกำลังกาย แม้จะสวนกับผู้คนมากมาย แต่ต่างฝ่ายต่างก็ก้มหน้าก้มตา เหมือนกลัวว่าสายตาจะมาบรรจบกัน ในขณะเดียวกัน ฉันก็เฝ้ามองที่ดินหลายแปลงที่ถูกทิ้งว่างไว้ และเฝ้าฝันอยากพลิกฟื้นผืนดินให้กลายเป็นสวนผักขึ้นมาเป็นเวลาหลายปี ด้วยเชื่อมั่นในพลังของธรรมชาติ และเชื่อว่าสวนผักจะเป็นสะพานที่ช่วยเปิดทาง สานสัมพันธ์ สร้างชุมชนให้อบอุ่นและน่าอยู่มากขึ้นได้ แต่การจะลุกขึ้นมาชวนผู้คนให้ออกมาปลูกผักทำสวนด้วยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้จักใครอย่างฉัน

ฉันเก็บความฝันนี้ไว้หลายปี จนรู้สึกว่าความฝันสุกงอม และถึงเวลาที่จะเอาภาพฝันที่อยู่ในหัวตัวเองออกมาลงมือทำสักที …… ฉันเริ่มต้นด้วยการเขียนบอกเล่าความฝันของฉัน และเชื้อเชิญสมาชิกในหมู่บ้านที่สนใจ ให้ส่งเสียง แสดงตัว ผ่านทางกลุ่มเฟสบุ๊คหมู่บ้าน ช่องทางเดียวที่ฉันจะสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้ในตอนนั้น

เวลาผ่านไป1-2 วัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ แต่นับเป็นโชคดีที่มีคนเห็นข้อความ และนำไปสื่อสารในกลุ่มไลน์หมู่บ้านอีกต่อหนึ่ง ปรากฏว่า มีสมาชิกที่สนใจสมัครเข้ามากว่า 20 ชีวิต ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้น และดีใจอย่างบอกไม่ถูก และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่ทำให้ฉันลุกขึ้นออกตามหาพื้นที่ว่างที่เจ้าของอนุญาตให้ปลูกผัก จนได้พบกับพื้นที่ว่างตรงซอย 4/9  ซึ่งมีคุณจอย เจ้าของบ้านที่อยู่ตรงข้ามแปลง ได้เคยขออนุญาตเจ้าของที่ดิน และเข้าไปบุกเบิก ทำแปลงผักไปบ้างแล้วบางส่วน

 

 

คุณจอยเล่าว่า เดิมทีตรงนี้เป็นพื้นที่ว่างซึ่งมักจะรก และมีงูเยอะ เข้ามารบกวนที่บ้านอยู่บ่อยๆ เลยคิดปรับพื้นที่นี้ให้โล่ง และทำเป็นแปลงผักไว้บางส่วน โดยให้พนักงานกวาดใบไม้เข้ามาช่วยดูแล

 

 

นับเป็นโชคดีมากๆที่ฉันได้พบเจอกับคนที่มีแนวคิดคล้ายๆกัน ฉันบอกเล่าเรื่องราวของสวนผักชุมชนที่ตั้งใจทำให้คุณจอยฟัง และคุณจอยก็ยินดีต้อนรับ พร้อมสนับสนุน เกื้อกูลให้พวกเราสมาชิกที่สนใจ เข้าไปช่วยกันปรับพื้นที่และทำแปลงปลูกผักด้วยกันมากขึ้น

 

 

เมื่อได้พื้นที่ที่จะทำโครงการสวนผักชุมชน บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งรัก สมาชิกที่สนใจก็ได้นัดพบปะพูดคุย บอกเล่าความคิด ความฝันของแต่ละคนที่สนใจออกมาตรงนี้ พวกเราค่อยๆช่วยกันวางแผน เสนอโครงการ จนได้รับการอนุมัติสนับสนุนทุนขนาดเล็กจากโครงการสวนผักคนเมือง และเราก็นัดหมายกัน เพื่อช่วยกันก่อร่างสร้างแปลงผักขึ้นมา

 

 

สำหรับฉัน การนัดหมายกัน 2-3 ครั้งก่อนจะเกิดแปลงผักขึ้นมาได้นั้น ก็ถือว่าความฝันฉันลุล่วงไปกว่าครึ่งแล้ว พวกเราแต่ละคนต่างก็มาจากต่างบ้าน ต่างซอย จากที่ไม่เคยรู้จักกัน ก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น แต่ละคนได้ยิ้ม หัวเราะ พูดจา ทักทายกันบ่อยขึ้น ทั้งๆที่บางคนก็เคยเห็นหน้ากัน แต่ก็ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน

 

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งในวงประชุม มีคนที่อยู่บ้านติดกันมาประชุมด้วย พอแนะนำตัวว่าอยู่บ้านไหน ถึงได้รู้ว่านี่เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันเลย แต่อยู่มาหลายต่อหลายปีไม่เคยเจอกัน จำได้ว่า วันนั้นสมาชิกคนนั้นเดินมาบอกฉันว่า ขอบคุณนะคะที่ทำให้รู้จักเพื่อนบ้าน ถ้าไม่มีโครงการนี้ เราคงไม่ได้รู้จักกัน

 

 

ฉันเห็นพลังของธรรมชาติและสวนผักมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราจัดกิจกรรมปลูกผักเพาะรักครั้งที่ 1 โดยเปิดรับสมัครให้ทั้งสมาชิกในหมู่บ้าน และผู้ที่สนใจทั่วไปได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องการปรุงดิน รวมทั้งช่วยกันลงแรงเตรียมดินสำหรับปลูกผักในสวนด้วยกัน วันนั้นมีผู้คนมาร่วมด้วยช่วยกัน 30 กว่าชีวิต โดยมีคุณป้อม ศิริกุล ซื่อต่อชาติมาช่วยเป็นวิทยากรพี่เลี้ยงให้

 

 

วันนั้นผู้คนต่างวัย ต่างบ้าน ต่างที่มา ต่างก็ช่วยกันยกกระสอบ เทดิน เทปุ๋ย และวัสดุปลูกต่างๆ บางคนก็นำเปลือกไข่ กากกาแฟ ติดไม้ติดมือมาจากบ้าน นำมาผสมผสาน ช่วยกันคลุกเคล้า ปรุงดิน เพื่อเป็นอาหารให้พืชผักได้เติบโตงอกงามในสวนผักชุมชนแห่งนี้ ฉันยืนมองพวกเขาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ตื้นตัน และขอบคุณในทุกสิ่งอย่างที่ช่วยสนับสนุน เกื้อกูลให้เกิดพื้นที่แห่งนี้ขึ้นมา

 

 

ฉันบอกพวกเขาว่า วันนี้คงไม่มีคนนอกหรือคนในหมู่บ้าน เราทุกคนล้วนมีส่วนช่วยกันสร้างสวนผักชุมชนแห่งนี้ให้เกิดขึ้นมาได้จริงๆ ถ้าไม่มีผู้คนที่มาช่วยกันลงแรงในวันนั้น ลำพังสมาชิกในหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย ก็คงไม่มีแรงมากพอที่จะทำได้ขนาดนี้ หรือถึงมีแรงพอ ก็คงใช้เวลานานกว่างานจะสำเร็จลุล่วงได้ ในขณะที่หลายคนตั้งใจมาเป็นผู้รับความรู้ พวกเขาก็มีโอกาสได้เป็นผู้ให้ ด้วยการร่วมสร้างพื้นที่แห่งนี้ขึ้นมาด้วย

 

 

ก่อนจาก พวกเราล้อมวง จับมือ ส่งพลังความรัก ความขอบคุณให้กันและกัน นอกจากสมาชิกที่มาช่วยกันทำสวนแล้ว เรายังร่วมกันส่งความรักความขอบคุณไปยังผู้อยู่ที่เบื้องหลังมากมายทั้งเจ้าของที่ดิน แม่ครัว คนช่วยดูแลสถานที่ วิทยากร เจ้าหน้าที่โครงการสวนผักคนเมือง  ยังไม่นับผืนดิน ผืนน้ำ แสงแดด สายลม และสรรพชีวิตต่างๆ ทั้งวัวที่ให้มูลมาทำปุ๋ย รวมทั้งจุลินทรีย์มากมาย ที่กำลังมาช่วยกันทำงานในพื้นที่แห่งนี้

 

 

การทำสวนผักชุมชนแห่งนี้ ทำให้ฉันตระหนักเลยว่า การจะสร้างสรรค์พื้นที่ดีๆแบบนี้ขึ้นมาได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจทั้งจากผู้คน และสรรพชีวิตมากมาย ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ที่มาร่วมกันสร้างสิ่งดีๆนี้ขึ้นมา และที่สำคัญ ฉันพบว่า แท้จริงแล้ว เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เมื่อเรามีความฝัน ตั้งใจจะทำสิ่งดีงามให้เกิดขึ้นในชุมชน หรือในโลกใบนี้ และบอกเล่าความฝันให้ผู้คนฟัง ก็มีคนจำนวนมากมายที่พร้อมจะเดินไปกับเรา

 

 

หลังจากที่รอคอยเวลาหมักดินให้ได้ที่ และคอยทะนุถนอมต้นกล้าเล็กๆ หรือที่หลายคนเรียกว่าลูกๆ ให้เติบโตแข็งแรงขึ้นด้วยความรัก เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพวกเราก็มาช่วยกันย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะไปสู่แปลงผัก บ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม   วันนั้นฉันชวนสมาชิกหลับตา ตั้งสติ กลับมารู้สึกตัว เปิดสัมผัสรับรู้ทางกาย ลองฟังเสียง ดมกลิ่น รับรู้ถึงสายลมที่มาสัมผัสที่ตัว ก่อนออกไปย้ายกล้าผักด้วยกัน

 

 

บอกตามตรง ฉันเองก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ว่าพืชผักในรอบแรกที่พวกเราช่วยกันปลูกนี้จะเติบโตงอกงามดีเพียงใด ด้วยความที่สมาชิกส่วนใหญ่ต่างก็เป็นมือใหม่หัดปลูกกันทั้งนั้น แต่ที่แน่ๆ ฉันเชื่อว่าสมาชิกแต่ละคนต่างก็ได้เรียนรู้ และค่อยๆบ่มเพาะความรักให้งอกงามขึ้นในใจตัวเองกันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

 

 

ส่วนตัวฉันเอง ก็แอบหวังอยู่ลึกๆว่า บนเส้นทางการเติบโตของสวนผักชุมชนเเห่งนี้นอกจากสายใยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราจะเกิดขึ้นแล้ว  พวกเราแต่ละคน ก็น่าจะกำลังค่อยๆเรียนรู้ สานสัมพันธ์ เชื่อมโยง เป็นหนึ่งเดียวกับพืชผักที่ปลูก เเละขยายไปจนถึงธรรมชาติรอบตัวของพวกเราด้วยเช่นกัน

ฉันรู้ดีว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่อย่างน้อยพวกเราก็ได้เริ่มต้นออกเดินทางไปด้วยกัน

ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง ที่ทำให้พวกเรามีวันดีดีร่วมกัน