ท่ามกลางความรีบเร่ง ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เปรียบเทียบ ในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ที่ผู้คนห่างไกลจากธรรมชาติ ส่งผลให้คนจำนวนมากต้องเผชิญกับความเครียด จนหลายคนตกหลุมพรางความคิด วกวนวนเวียน จนล้มป่วยด้วยโรคทางใจกันมากมาย
ตัวเลขจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2560 พบว่าคนไทยป่วยด้วยโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน ฟังแล้วก็น่าใจหายไม่น้อย
ถามว่าเวลาเราเป็นทุกข์ เครียด เศร้า เหงา กลุ้มใจ เราทำอย่างไรกันบ้างคะ
บางคนก็อาจจะนัดเพื่อนดื่ม นัดเพื่อนเที่ยว ออกไปช้อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง เรียกว่าวิ่งเข้าหาความบันเทิง ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยคลายเครียดไปได้บ้าง ซึ่งบางครั้งมันก็ได้ผล แต่บางครั้งมันก็เหมือนกับการวิ่งหนีไปหาสิ่งอื่น ที่ไม่ได้ช่วยเยียวยา หรือคลี่คลายความทุกข์ในใจได้อย่างแท้จริง หรือบางคนป่วยมาก ก็ต้องไปพบจิตแพทย์ ได้ยามากิน แล้วก็ออกมาเผชิญชีวิตตามเดิม
ที่ทางใต้ของลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีสวนแห่งหนึ่งชื่อว่า Sydenham Garden สวนแห่งนี้ตั้งใจเปิดขึ้นเพื่อให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนที่ป่วยด้วยโรคทั้งทางกายและทางใจได้เข้ามาทำปลูกผัก ทำสวน ทำอาหารทำงานศิลปะ และทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ และเติบโตเป็นชุมชนเป็นด้วยกัน เรียกว่าแทนที่จะจมกับความทุกข์ ไม่รู้จะหันไปทางไหนดี ก็มีที่แห่งนี้ให้เลือกไป
ที่นี่เขามีโปรแกรมให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมได้เลือกสรรทั้งหมด 4 โปรแกรมหลักๆ คือ Garden ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เน้นเรื่องการทำสวน ทำกิจกรรมตามฤดูกาล รวมไปถึงการทำอาหาร และกิจกรรมกับธรรมชาติ, Art & Craft เป็นโปรแกรมที่เน้นเรื่องการทำงานศิลปะ ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องความสวยงามเป็นใหญ่ แต่เน้นว่าเป็นการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ และเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม Sow&Grow ที่มุ่งทำงานกับกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมในช่วงเริ่มต้น เป็นการช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ผ่านการทำกิจกรรมทั้งการทำสวน ทำงานศิลปะ ทำอาหาร ไปจนถึงการจับกลุ่มพูดคุยและรับฟังซึ่งกันและกัน และโปรแกรมสุดท้ายคือ Growing Live ที่มุ่งเน้นจะช่วยฟื้นฟู เยียวยาผู้ที่มีความทุกข์หรือป่วยทางใจ ให้มีทั้งสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการปลูกผัก และทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพไว้กินเอง ที่สำคัญคือการทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น และอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขมากขึ้นด้วย
ความน่าสนใจของที่นี่คือ เขาทำงานร่วมกันกับผู้ที่เข้ามาใช้บริการที่สวนอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีใครเป็นผู้บำบัดรักษา ไม่มีใครเป็นผู้ที่เข้ามารับการบำบัด แต่ทุกคนเป็นคนที่มาทำงานด้วยกันในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งเขาจะเรียกผู้ที่เข้ามาร่วมทำงานว่า Co-workers และแต่ละโปรแกรมก็จะมี Volunteers ที่ช่วยกันทำงาน ดำเนินกิจกรรมต่างๆเป็นหลักด้วยกัน
จากการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2002 ที่เขาเริ่มเข้าไปฟื้นฟู ปรับเปลี่ยน พัฒนาพื้นที่ที่เคยทิ้งว่างไว้ ให้เป็นสวนชุมชน และเปิดรับผู้คนเหล่านี้ เขาก็พบว่า การมีพื้นที่ที่มีทั้งบรรยากาศ ความเป็นธรรมชาติ และความเป็นมิตรของผู้คน นั้นมีส่วนช่วยทำให้ผู้ที่กำลังป่วยทั้งทางกายและทางใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก
คงจะดีไม่น้อยนะคะ ถ้าบ้านเรามีพื้นที่ที่พร้อมจะเปิดรับให้คนที่ทุกข์ทั้งทางกายและทางใจ ได้เข้าไปใช้ชีวิต เรียนรู้ ทำกิจกรรม ได้สัมผัสกับทั้งธรรมชาติในสวนผัก ความงามของศิลปะ และสัมพันธ์กับผู้คนที่พร้อมจะเข้าใจ ที่เข้ามาอาสาทำงาน มาเรียนรู้การใช้ชีวิต และเติบโตไปด้วยกัน
ขอบคุณรูปภาพและเรื่องราวจาก https://www.sydenhamgarden.org.uk/
ใครสนใจลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมกันได้นะคะ
