เกษตรในเมืองไม่ใช่ศัตรูของสภาพอากาศ 

ช่วงปลายเดือนมกราคม มีการเผยแพร่งานวิจัยที่ลงในวารสาร Forbes ว่า “การทำเกษตรในเมืองมีค่าใช้จ่ายในด้านภูมิอากาศที่สูงอย่างน่าตกใจ” (Urban Farming Has A Shockingly High Climate Cost) โดยงานวิจัยนี้ชี้ว่าเกษตรในเมืองได้สร้างคาร์บอนสูงกว่าการทำเกษตรปกติ ซึ่งสื่อดังอย่าง Modern Farmer และ Bloomberg ได้เผยแพร่เนื้อหานี้จนมีการโต้เถียงและสร้างความโกรธให้กับเกษตรกรในเมือง มีการวิพากษ์วิจารณ์ใน Instagram ว่ากระบวนการศึกษานั้นอาจจะแยกพื้นที่เกษตรเมืองออกจากพื้นที่สวนสาธารณะทำให้มองว่าการผลิตคาร์บอนมีจำนวนมากกว่าหรือไม่ และยังไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดหรือบริบทวิธีการปลูกพืชในเมืองที่มีหลายรูปแบบหากแต่เพียงเปรียบเทียบกับการปลูกกับแบบปกติ คือ ในฟาร์มพื้นที่ขนาดใหญ่ ฉะนั้น งานวิจัยดังกล่าวเหมือนกับการเปรียบเทียบระหว่าง “ผลส้มกับแอปเปิ้ล” ซึ่งมันคนละแบบกันและไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันเชิงเดี่ยว

นอกจากนี้ยังมีบทความโต้ตอบ จากกลุ่ม civileats.com โดยโต้ว่า “การเกษตรในเมืองไม่ใช่ศัตรูของสภาพอากาศ” ซึ่งรายงานชิ้นนี้ได้รวบรวมข้อมูลและวิพากษ์ว่าการเผยแพร่ข้อมูลวิจัยโดยพาดหัวกว้างๆอาจสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรในเมืองที่สร้างพื้นที่ความมั่นคงทางอาหารและพยายามสร้างพื้นที่สีเขียวให้เกิดขึ้น มากกว่าการตั้งคำถามต่อผู้ประกอบการในเมืองที่สร้างวิธีการผลิตทางการเกษตรที่สร้างคาร์บอนสูง เช่น การปลูกพืชในเรือนกระจก หรือรูปแบบการผลิตที่ไม่ยั่งยืน การวิจัยนี้ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการปลูกในเมืองและรูปแบบการผลิตเพื่อให้เกษตรในเมืองมีความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน การสื่อสารเชิงเดี่ยวที่ไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลอย่างชัดเจนอาจสร้างความเข้าใจผิดพลาดและสร้างความโกรธให้กับกลุ่มเกษตรกรในเมืองที่มุ่งเน้นสร้างพื้นที่อาหารและสีเขียวในชุมชนของตน การสื่อสารควรมุ่งเน้นการให้ข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการปลูกและผลกระทบที่เป็นไปได้ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เมือง

🌳แล้วเกษตรในเมืองคืออะไรหละ?

เกษตรในเมือง หมายถึง การเพาะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เมืองหรือใกล้เคียงที่มีการใช้ประโยชน์ในรูปแบบของการเกษตร โดยอาจจะเป็นการปลูกผักหรือผลไม้ในสวนบนอาคารหรือในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กในเมือง หรือการเลี้ยงสัตว์เล็กเช่น ปลา ไก่ หรือเป็ดในพื้นที่จำกัด เป้าหมายของการเกษตรในเมืองส่วนใหญ่คือการผลิตอาหารให้กับประชาชนในพื้นที่เมืองและลดการนำเข้าอาหารจากภายนอกที่มีการขนส่งและการใช้พลังงานในการผลิตอาหารน้อยลง นอกจากนี้ เกษตรในเมืองยังช่วยสร้างพื้นที่สีเขียวในเมือง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ที่ใช้งานไม่ได้ในการเพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปเกษตรในเมืองมีลักษณะการใช้เทคโนโลยีและการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้สามารถผลิตผลผลิตได้มากที่สุดในพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด แต่วิธีการเหล่านี้สามารถสร้างการเรียนรู้และการตระหนักใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า หรือการร่วมสร้างพื้นที่เกษตรในเมืองและพื้นที่ที่สีเขียวในเมืองเป็นเรื่องเดียวกันได้

🌳เกษตรในเมืองปล่อยคาร์บอนสูงกว่าปกติจริงไหม?

อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ว่าการเกษตรในเมืองมักจะมีคาร์บอนที่สูงกว่าการเกษตรปกติในบริบทที่แตกต่างกัน เป็นเพราะมีการใช้พลังงานในการขนส่งสินค้าและวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการดูแลรักษาที่มากกว่าในการเกษตรในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการเกษตรในเมืองอาจเป็นแหล่งกำจัดคาร์บอน เช่นการใช้ระบบการเกษตรที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้สารเคมีที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม การใช้พืชตระกูลชนิดพื้นเมืองหรือพืชที่มีการปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูกในพื้นที่จำกัดในเมืองยังเป็นวิธีหนึ่งในการลดการปล่อยคาร์บอน ทั้งนี้การเกษตรในเมืองยังสามารถเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลดการนำเข้าอาหารจากภายนอกและลดการใช้พลังงานในการขนส่ง ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตอาหารได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การมีการปรับปรุงและการจัดการที่เหมาะสมในการเกษตรในเมืองจำเป็นต้องพิจารณาและดำเนินการอย่างมีความระมัดระวังเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเหมาะสมและเพื่อสร้างระบบการเกษตรที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในระยะยาว
.
📸Credit
– Photo 1 Credit by Rooftop farming in Brooklyn, New York.Photographer: Siegfried Layda/The Image Bank/Getty Images.
– Photo 2 : Market Garden youth interns tend to small-crop production at the Rivoli Bluffs Farm in St-Paul, Minnesota, Sept. 28, 2022. (USDA photo by Christophe Paul)
.
📄อ้างอิงเนื้อหา :
https://civileats.com/…/despite-recent-headlines-urban…/

https://www.forbes.com/…/urban-farming-has-a…/…
https://www.bloomberg.com/…/urban-farming-has-a…