เมื่อถามว่าจะปลูกอะไรกันดีที่สวน หลายคนก็มักจะคิดถึงกะหล่ำปลี คะน้า แครอท เซอร์ลารี่ เคล ผักกาดขาว และผักสลัดสารพัดชนิด ทั้งคอส เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค ร็อกเกต ทั้งๆที่ความจริงแล้ว บ้านเรามีความหลากหลายของพืชผักพื้นบ้านมากมายหลายชนิดนัก แต่ด้วยวิถีคนเมือง ที่เติบโตมากับผักในตลาด ก็แทบจะไม่ค่อยมีใครรู้จักผักพื้นบ้านเหล่านั้นกัน ซึ่งก็อาจส่งผลให้ผักพื้นบ้านสูญหายไปตามวิถีการบริโภคของเรา
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในบ้านเราเท่านั้น ที่ประเทศอื่น อย่างสหรัฐอเมริกา ก็กำลังเผชิญกับปัญหาของการสูญหายไปของความหลากหลายทางพันธุกรรมพืช รวมถึงการสูญหายไปของอาหารต่างๆ ด้วยเช่นกัน การสูญพันธุ์เหล่านี้ ไม่ได้หมายถึงแค่การไม่มีอยู่ของพันธุ์พืชนั้นเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวโยงส่งผลกระทบไปถึงการมีอยู่ของสัตว์ชนิดต่างๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นนก ผีเสื้อ หรือแมลง ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยขยายพันธุ์พืชต่างๆ เพราะทุกสิ่งในธรรมชาติล้วนเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันอย่างแยกจากกันไม่ได้ หากสิ่งหนึ่งหายไป ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆตามมา โดยเฉพาะการหายไปของพืชพันธุ์ ซึ่งเป็นอาหารหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตต่างๆ
Monty Caid วัย 39 ปี เป็นหนึ่งในบุคคลที่ตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพันธุ์พื้นถิ่นต่างๆ และมีโอกาสได้ศึกษาตำรายาของแม่ ที่บันทึกสูตรสมุนไพรพื้นถิ่นไว้มากมาย และก็พบว่า พืชพื้นถิ่นเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นต่อสมอง หัวใจ ปอด มากมาย เขาจึงตัดสินใจทำพื้นที่สวนอาหารที่หายไป หรือ Lost Foods Native Plant Sanctuary and Nursery ขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมพืชพันธุ์พื้นถิ่นที่กำลังจะสูญพันธุ์ไปไว้ และเปิดให้ผู้คนได้เข้าไปเรียนรู้ รวมถึงมีส่วนร่วมให้การกลับไปช่วยกันปลูกพืชพื้นถิ่นเอาไว้ เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยสร้างสมดุลให้กับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เล็กหรือใหญ่ ทุกคนล้วนมีส่วนช่วยกันทำได้ทั้งสิ้น อย่างพื้นที่ที่ Caid ทำนี้ ก็เป็นพื้นที่เล็กๆในเมืองแคลิฟอร์เนีย ที่เคยเป็นที่ทิ้งขยะมาก่อน
Caid เล่าว่า ที่แคลิฟอร์เนียนี้ถือเป็นแหล่งรวมของความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญ ซึ่งตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาที่จะสูญพันธุ์ไปรวมกว่า 300 ชนิดด้วยกัน ด้วยความที่เราตัดไม้ทำลายป่า ทำเกษตรเชิงเดี่ยว และเลือกปลูกพืชที่ไม่ใช่พืชพื้นถิ่นกันจำนวนมาก ในขณะที่ระบบนิเวศนั้น ประกอบด้วยทั้งพืช และสัตว์ที่ขึ้นอยู่กับพืช โดยทั้งสัตว์และพืชก็ใช้ชีวิตที่อิงอาศัย เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และระบบนี้ก็ก่อให้เกิดความหลากหลาย ความอุดมสมบูรณ์ และช่วยฟื้นฟูระบบให้กลับคืนสู่สมดุล หากมีพืชชนิดใดสูญหายไป ก็ย่อมส่งผลกระทบไปทั้งระบบ
เขายังบอกว่า หากเราแบ่งบางส่วนของพื้นที่สวนของแต่ละคน และเริ่มปลูกพืชพื้นถิ่นร่วมด้วย ก็จะมีส่วนช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเอาไว้ และมีส่วนช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ ทำให้สัตว์หลายชนิดมีที่อยู่อาศัย มีอาหารกิน ที่สำคัญคือ พืชพื้นถิ่นเหล่านี้ส่วนใหญ่ ยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย การปลูกพืชพื้นถิ่นและนำมาทำอาหาร ก็มีส่วนช่วยรักษาภูมิปัญญา รักษาเมนูอาหารดั้งเดิมไว้ได้ อีกหลายชนิดก็มีประโยชน์ทางด้านการเป็นยารักษาโรค และอีกหลายชนิดก็ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเป็นเชื้อเพลิง เป็นของใช้ต่างๆ ดังนั้นหากเราเรียนรู้ที่จะใช้พืชเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเรา เรียกว่า ให้ประโยชน์ทั้งกับสิ่งมีชีวิตอื่นที่อิงอาศัยอยู่กับพืชนั้นๆ ช่วยสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ และก็ให้ประโยชน์กับตัวผู้ปลูกเองด้วย ที่สำคัญพืชเหล่านี้ปลูกง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมาก ไม่ต้องใช้ปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลงก็เติบโตได้อย่างดี
สิ่งที่น่าสนใจที่เขาพูดถึงก็คือ แม้ว่าตอนนี้พอมีหน่วยงานที่เริ่มอนุรักษ์ รักษาพืชพื้นถิ่นต่างๆอยู่บ้างแล้ว แต่ก็มีจำนวนไม่มาก และแต่ละพื้นที่ก็ห่างกันมาก หากมองในแง่ระบบนิเวศจริงๆ สิ่งมีชีวิตต่างๆที่อิงอาศัยกับพืชเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการโยกย้ายถิ่น ดังนั้น หากเราสามารถช่วยกันปลูกพืชพื้นถิ่นกันในสวนหลังบ้านกันมากๆ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็จะมีที่ไปมากขึ้น และก็จะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ต่อไป
คนที่มาที่สวนแห่งนี้ นอกจากจะได้รู้จักกับความหลากหลายของพืชพื้นถิ่น เรียนรู้เรื่องระบบนิเวศแล้ว สวนแห่งนี้ยังทำเมนูต่างๆจากพืชพื้นถิ่นที่กินได้ ให้ได้ลิ้มลองกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกมัฟฟิน พาย แยม หรือไวน์ เป็นต้น
เชื่อว่าคนที่ได้ไปเยือนหลายคน น่าจะเกิดแรงบันดาลใจในการกลับไปมีส่วนร่วมในการปลูกพืชพื้นถิ่น และร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟู รักษาสมดุลของระบบนิเวศไว้ด้วยกัน
อ่านเรื่องราวของสวน Lost Foods Native Plant Sanctuary and Nursery แห่งนี้ ก็อดย้อนนึกถึงบ้านเราไม่ได้ หากเราเริ่มต้นเรียนรู้ และให้ความสำคัญกับพืชผักพื้นบ้านต่างๆที่มีเราอยู่อย่างมากมายนี้กันมากขึ้น ก็น่าจะเป็นการดีไม่น้อย ว่ามั้ยค่ะ
ขอบคุณรูปภาพและเรื่องราวจาก
http://lostfoods.org/?page_id=2
https://www.facebook.com/pages/Lost-Foods/493208280855650